• 02 714 4471
  • 342 Ekamai Rd, Bangkok 10110
  • Mon - Sun: 09:00 - 20:00
  • 02 246 0042
  • 44/1 Asoke-Dindaeng Rd, Bangkok 10310
  • Mon-Sun: 11:00 - 19:00
  • 088 152 4444
  • 16/7 North Sathorn Rd, Silom, Bangkok 10500
  • Mon-Sun: 11:00 - 20:00
  • 02 253 9269
  • 1025 Ploenchit Rd, Lumpini, Bangkok 10330
  • Mon-Sun: 11:00 - 20:00
  • 02 539 4888
  • 1416 ซอย ลาดพร้าว 87 แขวง คลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร 10240
  • Mon-Sun: 11:00 - 20:00

บล็อค

เคล็ดลับ

อยากดูดไขมันแต่กลัวเจ็บ! มีวิธีไหนช่วยลดความเจ็บปวดได้บ้าง?

อยากดูดไขมันแต่กลัวเจ็บ! มีวิธีไหนช่วยลดความเจ็บปวดได้บ้าง?

การดูดไขมันเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมและหลายคนสนใจ แต่สิ่งที่ทำให้ลังเลมากที่สุดก็คือ “ความเจ็บ”

วันนี้เราจะมาดูกันว่าวิธีไหนช่วยลดความเจ็บปวดจากการดูดไขมันได้บ้าง รวมถึงความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการดูดไขมัน เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ

ความเข้าใจเกี่ยวกับการดูดไขมัน

1. การดูดไขมันคืออะไร?

การดูดไขมัน (Liposuction) เป็นหัตถการที่ใช้ เครื่องมือพิเศษดูดไขมันออกจากร่างกาย โดยนิยมทำบริเวณ หน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน สะโพก เอว คาง เป็นต้น

คือ ปรับรูปร่างให้สมส่วน ไม่ใช่การลดน้ำหนัก

2. เทคนิคการดูดไขมันมีอะไรบ้าง?

  • Tumescent Liposuction – เทคนิคพื้นฐานที่ใช้ฉีดน้ำเกลือผสมยาชาเข้าไปในบริเวณที่ต้องการดูดไขมัน เพื่อลดความเจ็บและลดการเสียเลือด
  • Vaser Liposuction – ใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ช่วยสลายไขมัน ทำให้ดูดออกได้ง่ายขึ้น ลดอาการบวมและช้ำ
  • Laser Liposuction – ใช้เลเซอร์สลายไขมันก่อนดูดออก ช่วยกระชับผิวและลดความเสียหายของเนื้อเยื่อ
  • PAL (Power-Assisted Liposuction) – ใช้เครื่องมือที่มีแรงสั่นสะเทือนช่วยสลายไขมัน ทำให้ลดความเจ็บปวดและลดระยะเวลาพักฟื้น

วิธีลดความเจ็บปวดจากการดูดไขมัน

1. เลือกเทคนิคที่เจ็บน้อย – Vaser Lipo หรือ Laser Lipo จะช่วยให้เจ็บน้อยกว่าการดูดไขมันแบบดั้งเดิม เพราะสามารถสลายไขมันก่อนดูดออก ลดการกระทบของเส้นประสาทและเนื้อเยื่อ

2. ใช้ยาชาเฉพาะที่แทนการดมยาสลบ – เทคนิค Tumescent Liposuction ใช้ยาชาผสมในน้ำเกลือที่ฉีดเข้าไป ทำให้ลดความเจ็บขณะทำหัตถการและช่วยลดการเสียเลือด

3. ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หลังทำ

  • ใส่ชุดกระชับสัดส่วน อย่างน้อย 4-6 สัปดาห์เพื่อลดอาการบวมและช่วยให้ผิวเข้ารูป
  • ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อลดการคั่งของของเหลวและช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น
  • นอนพักให้เพียงพอ และยกบริเวณที่ดูดไขมันให้สูง เพื่อลดบวม

4. ใช้ยาแก้ปวดอย่างถูกต้อง สามารถทาน พาราเซตามอล เพื่อบรรเทาอาการปวดได้ ควรหลีกเลี่ยงยาแก้อักเสบกลุ่ม NSAIDs เช่น ไอบูโพรเฟน แอสไพริน เพราะอาจทำให้เลือดออกง่าย

5. ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม ในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังทำ ควรประคบเย็น เพื่อลดอาการบวมและลดความเจ็บปวด

6. เคลื่อนไหวเบา ๆ ช่วยให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น ไม่ควรนอนนิ่ง ๆ หลังทำหัตถการ เพราะอาจทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดีและเกิดลิ่มเลือดอุดตันได้ และเดินช้า ๆ หรือขยับตัวเบา ๆ เพื่อลดอาการบวมและช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น

7. ทำจิตใจให้สบาย ไม่เครียด ความกลัวหรือความวิตกกังวลสามารถทำให้รู้สึกเจ็บมากขึ้น ควรผ่อนคลายและมั่นใจในกระบวนการรักษา

การดูแลตัวเองหลังดูดไขมันเพื่อลดอาการเจ็บปวด

1. ใส่ชุดกระชับสัดส่วน

  • การใส่ Compression Garment หรือชุดกระชับสัดส่วนหลังการดูดไขมันเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยลดอาการบวมและกระชับผิว
  • ช่วยลดแรงกดและปกป้องแผลจากการเคลื่อนไหว

2. พักผ่อนให้เพียงพอ

  • การพักผ่อนและการนอนหลับให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญในการฟื้นฟูร่างกาย
  • ควรยกบริเวณที่ดูดไขมันสูงขึ้น เช่น นอนหนุนหมอนหรือยกขาขึ้นเพื่อช่วยลดการบวม

3. ประคบเย็น

  • ใน 48 ชั่วโมงแรกหลังการทำหัตถการ การประคบเย็นจะช่วยลดการบวมและความเจ็บปวด
  • หลีกเลี่ยงการประคบร้อนในช่วงนี้ เพราะอาจเพิ่มอาการบวม

4. ทานยาแก้ปวดตามแพทย์สั่ง

  • หากรู้สึกเจ็บปวดสามารถทานยาแก้ปวดที่แพทย์สั่ง เช่น พาราเซตามอล เพื่อบรรเทาอาการปวด
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยากลุ่ม NSAIDs (ไอบูโพรเฟน แอสไพริน) เพราะอาจทำให้เลือดออกมากขึ้น

5. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก

  • ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่หนักหน่วงหรือออกกำลังกายที่ใช้แรงมาก ๆ อย่างน้อย 4-6 สัปดาห์ หลังการทำหัตถการ เพื่อลดความเจ็บปวดและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น

เคล็ดลับการเตรียมตัวเพื่อให้เจ็บน้อยที่สุด

1. เลือกศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์

  • การเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการดูดไขมันจะช่วยให้กระบวนการทำหัตถการเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย
  • ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทราบรายละเอียดของเทคนิคที่จะใช้ในการดูดไขมัน

2. ตรวจสุขภาพให้พร้อม

  • ก่อนการทำหัตถการ ควรตรวจสุขภาพทั่วไปเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีภาวะเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงจากการทำหัตถการ
  • ควรแจ้งประวัติการใช้ยาและโรคประจำตัวที่อาจส่งผลต่อกระบวนการทำหัตถการ

3. หยุดใช้ยาและอาหารเสริมที่เสี่ยงต่อการหยุดเลือด

  • ควรหยุดใช้ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วิตามินอี อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนทำการดูดไขมัน
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ก่อนและหลังการทำหัตถการ เพราะจะทำให้การหายของแผลช้าลงและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

4. ทานอาหารที่ช่วยให้ฟื้นตัวเร็ว

  • การทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อปลา ไก่ ไข่ ถั่ว จะช่วยฟื้นฟูร่างกายและบำรุงแผลให้หายเร็วขึ้น
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อป้องกันการขาดน้ำและช่วยให้ร่างกายฟื้นตัว

5. สวมชุดกระชับหลังดูดไขมัน

การ สวมชุดกระชับสัดส่วน เป็นการดูแลที่สำคัญหลังการดูดไขมัน เพื่อช่วยให้ผลลัพธ์ของการทำหัตถการดีขึ้นและลดอาการเจ็บปวดได้:

  • ช่วยลดการบวม: ชุดกระชับจะช่วยลดการสะสมของของเหลวที่เกิดขึ้นหลังการดูดไขมัน และช่วยให้ร่างกายดูดซับของเหลวได้ดีขึ้น ลดอาการบวมที่อาจเกิดขึ้น
  • ช่วยกระชับผิวหนัง: หลังการดูดไขมัน ผิวหนังอาจหลวมและหย่อนคล้อย การสวมชุดกระชับจะช่วยให้ผิวหนังกระชับขึ้น และลดความเสี่ยงที่จะเกิดรอยย่น
  • ลดความเจ็บปวด: ชุดกระชับช่วยให้ความกดดันที่สม่ำเสมอช่วยลดอาการเจ็บปวดและช่วยบรรเทาอาการไม่สบายตัวหลังการทำหัตถการ
  • ช่วยให้รูปร่างเป็นรูปทรง: ชุดกระชับช่วยทำให้รูปร่างของคุณดูดีขึ้นในระหว่างที่ร่างกายกำลังฟื้นตัวจากการดูดไขมัน

Add Line@

โพสต์ยอดนิยม

อยากดูดไขมันแต่กลัวเจ็บ! มีวิธีไหนช่วยลดความเจ็บปวดได้บ้าง?
อาการแทรกซ้อนจากการดูดไขมันที่คุณต้องรู้
การดูดไขมัน (Liposuction) ควรทำตอนอายุเท่าไหร่ดีที่สุด?
โรคผมร่วงเป็นหย่อม Alopecia Areata
ปลูกผมสเต็มเซลล์ VS ปลูกผมถาวร
ทำไมบางคนทำศัลยกรรมยกกระชับหน้าอกแล้วหน้าอกแข็ง?
อาหารที่ควรกินและหลีกเลี่ยงหลังศัลยกรรมยกกระชับหน้าอก
เลือกตำแหน่งผ่าตัดเสริมหน้าอก
ดูดไขมันผู้ชาย เคล็ดลับปั้นหุ่นให้เฟิร์มในพริบตา!
การดูดไขมันกับความเข้าใจผิดที่ต้องแก้ไข