คุณกำลังเผชิญปัญหาเหล่านี้อยู่หรือไม่ ?
ผู้ที่อุดฟันด้วยโลหะหนัก อมัลกัม (Amalgum)
ผู้ที่ชอบ ดื่มชา กาแฟ แอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือคนรอบข้างสูบบุหรี่
ผู้ที่มีสารเคมีสะสมจากการทำสีผม ทำเล็บ
ผู้ที่สูดดมยาฆ่าแมลง หรือกินสีเคมีต่างๆ
ผู้ไหลเวียนเลือดบกพร่อง มีอาการ เวียนหัวง่าย
โรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากหลอดเลือดไม่ยืดหยุ่น
ผู้ที่ชอบกินอาหารดิบ อาหารญี่ปุ่น ปลาดิบต่างๆ
แนะนำเกี่ยวกับคีเลชั่น
CHELATION (คีเลชั่น) เป็นการให้สารประเภทกรดอะมิโน ที่เรียกว่า EDTA ผสมกับวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญหลายชนิด ซึ่ง EDTA ทำหน้าที่สำคัญในการจับสารโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ปรอท สารหนู หรือแม้แต่แคลเซียมส่วนเกิน ซึ่งสะสมตกค้างในเนื้อเยื่อ และพอกอยู่ตามผนังหลอดเลือด ก่ออันตรายต่อผนังเซลล์และผนังหลอดเลือด ช่วยลดการเกาะตัวของคอเลสเตอรอลที่ผนังหลอดเลือด ช่วยรักษาอาการอักเสบของหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่นและขยายตัวเพิ่มขึ้น การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ลดอาการของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง ทำให้สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงและสดชื่นขึ้น
สำหรับคนที่มีหลอดเลือดหัวใจตีบและแข็ง สามารถหลีกเลี่ยงการผ่าตัดบายพาส (Bypass)ได้ถึง 80% นอกจากนี้ยังช่วยลดปริมาณการอนุมูลอิสระในร่างกาย โลหะหนักจะถูกขจัดออกจากร่างกายทางระบบการขับถ่ายปัสสาวะ
ระยะเวลาในการให้คีเลชั่นทางหลอดเลือดดำ แต่ละครั้ง ประมาณ 1.5 – 2 ชั่วโมง โดยระหว่างนั้นสามารถพักผ่อน ดูโทรทัศน์ รับประทานอาหารว่าง อ่านหนังสือหรือฟังเพลงได้ตามปกติธรรมดา ภายหลังจากการ รักษาก็สามารถประกอบกิจกรรมได้ตามปกติ
ทำไมต้องเลือกทำคีเลชั่นที่ Dermaster?
Dermaster มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการทำ Chelation Therapy เรามีขั้นต่อการทำและเครื่องมือที่ได้คุณภาพ
ประโยชน์ที่ได้รับจากการทำ CHELATION
- ขจัดสารพิษตกค้างในร่างกายและระบบหลอดเลือด
- ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง
- ทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น
- ลดอัตราเสี่ยงของหลอดเลือดแข็งอุดตัน และตีบแคบทั้งในสมองและหัวใจ ลดระดับไขมันในเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจขาดเลือด
- ป้องกันโรคความเสื่อมต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากระบบหมุนเวียนที่ไม่ดี
- ช่วยแก้ไข และบรรเทาอาการความดันโลหิตสูง, โรคอันเกิดจากระบบการไหลเวียน, เบาหวาน, โลหะหนักเป็นพิษ, ปวดศีรษะเรื้อรัง
- ลดอาการอักเสบของผิวหนัง
- บรรเทาอาการอัลไซเมอร์ ช่วยให้สมองแจ่มใส และมีความจำดีขึ้น
- ฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ ช่วยให้อาการอ่อนเพลียเรื้อรังหายไป
- ช่วยให้ประสาทการรับรู้ต่างๆ ดีขึ้น
ผลลัพธ์ที่ได้และระยะเวลา
ข้อควรรู้ เมื่อต้องการทำคีเลชั่น
ควรตรวจร่างกายเพื่อประเมินปัญหาที่เป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตรวจประสิทธิภาพการทำงานของไต (Creatinine , GFR) ก่อนเข้ารับบริการ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้มากขึ้น แนะนำให้ดื่มน้ำผลไม้ เพราะระหว่างการทำอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงได้บ้าง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
หากต้องการทำคีเลชั่น ควรเริ่มต้นอย่างไรดี….
ที่ Dermaster มีโปรแกรมทำคีเลชั่นบำบัด ที่คุณสามารถเริ่มต้นได้ไม่ยาก ตามขั้นตอนต่างๆ ดังนี้…
- ตรวจวิเคราะห์เม็ดเลือด (Live blood analysis) – แพทย์จะทำการตรวจวิเคราะห์ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกร็ดเลือด สิ่งแวดล้อม (โลหะหนัก) ในกระแสเลือดและความบกพร่องของลำไส้เล็ก
- ตรวจปัสสาวะ – ตรวจหาปริมาณโลหะหนักในร่างกาย เช่น สารหนู ปรอท ตะกั่ว แคดเมี่ยม หรือนิคเกิล
- ตรวจสารโลหะหนักในเนื้อเยื่อ – หากพบว่าปัสสาวะให้ผลไม่เกินค่าปกติแนะนำให้ทำ ทดสอบทำคีเลชั่น ว่ามีปริมาณสารโลหะหนักในเนื้อเยื่ออีกหรือไม่ ซึ่งผลการทดสอบจะให้ค่าออกมาในสองลักษณะ
ผลข้างเคียงจากการทำคีเลชั่น
ในระยะแรกบางท่านอาจมีอาการอ่อนเพลีย อันเนื่องจากกระบวนการขับสารพิษออกจากร่างกาย อาการที่เกิดขึ้นแก้ได้โดยการพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำผลไม้และรับประทานอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ ตามความต้องการของ ร่างกาย
การปฏิบัติตัวเมื่อรับบริการคีเลชั่นบำบัด
- ก่อนทำควรพบแพทย์ และตรวจระดับการทำงานของไต
- ระหว่างที่ร่างกายกำจัดสารพิษ และลดโลหะหนักสะสม ไตจะทำงานเพิ่มขึ้น ควรดื่มน้ำสะอาดมากขึ้น
- ควรรับประทานวิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ ในรูปอาหารเสริมเพิ่มขึ้นจากอาหารประจำวัน เพราะอาจมีการสูญเสียแร่ธาตุไปบ้างในระหว่างการทำคีเลชั่นคำแนะนำการปฏิบัติตัวหลังทำคีเลชั่นบำบัด
- ควรดื่มน้ำมากๆ ประมาณ 2 ลิตรต่อวันเป็นเวลา 3 วัน หลังจากทำคีเลชั่นบำบัดเพื่อให้ช่วยนำพาสารพิษขับออกทางปัสสาวะได้มากขึ้น
- กลางคืนนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณ 6-8 ชั่วโมง เนื่องจากหลังทำคีเลชั่นอาจมีอาการอ่อนเพลียซึ่งเป็นผลจากการขับสารพิษออกจากร่างกาย
- หลังการทำคีเลชั่นบำบัด สามารถรับประทานยาที่รับประทานอยู่ประจำได้ตามปกติ และควรรับประทานวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ตามที่แพทย์จัดให้
- อาจมีอาการปวดศีรษะ วิงเวียนศีรษะ ซึ่งเป็นอาการข้างเคียงที่พบได้กับผู้ป่วยน้อยราย ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือดื่มน้ำผลไม้ทดแทน ซึ่งอาการจะทุเลาลงและหายไปเอง ถ้าอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์
- ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของสีผสมอาหาร อาหารทะเลที่มีตะกั่วปนเปื้อน เป็นต้น
คีเลชั่นบำบัด ควรทำบ่อยแค่ไหนถึงจะดี
ในแต่ละบุคคลจะมีจำนวนครั้งไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล และผลที่ได้ภายหลังการทำคีเลชั่น โดยทั่วไปในรายของคนที่มีปัญหาเรื่องหลอดเลือดหัวใจตีบ อาจต้องเข้ารับการบำบัดด้วยคีเลชั่นประมาณ 20 ครั้ง
อาหารเสริมกลุ่มที่แนะนำให้รับประทานในระหว่างโปรแกรมคีเลชั่น
- รับประทานอาหารเสริมในรูปวิตามิน เช่น วิตามินรวม
- รับประทานแร่ธาตุที่สำคัญ เช่น Zinc , Selenium เพื่อทดแทนส่วนที่อาจสูญเสียในระหว่างโปรแกรม