• 02 714 4471
  • 342 Ekamai Rd, Bangkok 10110
  • Mon - Sun: 09:00 - 20:00
  • 02 246 0042
  • 44/1 Asoke-Dindaeng Rd, Bangkok 10310
  • Mon-Sun: 11:00 - 19:00
  • 088 152 4444
  • 16/7 North Sathorn Rd, Silom, Bangkok 10500
  • Mon-Sun: 11:00 - 20:00
  • 02 253 9269
  • 1025 Ploenchit Rd, Lumpini, Bangkok 10330
  • Mon-Sun: 11:00 - 20:00
  • 02 539 4888
  • 1416 ซอย ลาดพร้าว 87 แขวง คลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร 10240
  • Mon-Sun: 11:00 - 20:00

บล็อค

เคล็ดลับ

การดูดไขมัน (Liposuction) ควรทำตอนอายุเท่าไหร่ดีที่สุด?

การดูดไขมัน (Liposuction) ควรทำตอนอายุเท่าไหร่ดีที่สุด?

การดูดไขมันเป็นหัตถการที่ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินและปรับรูปร่างให้ดูสมส่วนมากขึ้น สามรถดูดไขมันได้ตั้งแต่อายุ 20 – 65 ปีขึ้นไป

แต่หลายคนอาจสงสัยว่า ควรทำตอนอายุเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมที่สุด คำตอบขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สภาพผิว ความยืดหยุ่นของผิว สุขภาพโดยรวม และเป้าหมายของแต่ละคน อย่างไรก็ตาม อายุที่เหมาะสมโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 20-35 ปี เพราะร่างกายมีความยืดหยุ่นสูงและสามารถฟื้นตัวได้ดี แต่หากอายุมากขึ้นก็ยังสามารถทำได้ภายใต้การพิจารณาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ช่วงอายุที่เหมาะสมสำหรับการดูดไขมัน

กลุ่มอายุน้อยกว่า 20 ปี – ไม่แนะนำ

  • ร่างกายยังไม่พัฒนาเต็มที่ ระบบเผาผลาญและสัดส่วนของร่างกายอาจเปลี่ยนแปลงได้จากฮอร์โมน
  • ผิวหนังยังมีความยืดหยุ่นสูง การลดไขมันสามารถทำได้ด้วยการออกกำลังกายและควบคุมอาหาร
  • กรณีที่มีภาวะไขมันสะสมผิดปกติหรือมีปัญหาสุขภาพบางอย่าง แพทย์อาจพิจารณาเป็นกรณีไป

อายุ 20-35 ปี – เหมาะสมที่สุด

  • เป็นช่วงวัยที่ร่างกายเติบโตเต็มที่ ระบบเผาผลาญยังทำงานได้ดี
  • ผิวยังมีความยืดหยุ่นสูง ลดโอกาสเกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อยหลังดูดไขมัน
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดที่กำจัดออกยาก เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา หรือคาง

อายุ 35-50 ปี – ยังสามารถทำได้ แต่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษ

  • เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานช้าลง ไขมันสะสมง่ายขึ้น
  • ความยืดหยุ่นของผิวเริ่มลดลง ทำให้มีความเสี่ยงที่ผิวจะหย่อนคล้อยหลังดูดไขมัน
  • อาจต้องใช้เทคนิคเสริม เช่น BodyTite, J-Plasma หรือ Thermage เพื่อช่วยให้ผิวกระชับมากขึ้น
  • ควรตรวจสุขภาพก่อนทำหัตถการเพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายแข็งแรงเพียงพอ

อายุ 50-60 ปี – ทำได้แต่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

  • ผิวหนังสูญเสียคอลลาเจนและอิลาสตินไปมาก ทำให้ผิวมีโอกาสหย่อนคล้อยมากขึ้น
  • ความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน เช่น แผลหายช้าหรือผิวไม่กระชับ อาจสูงกว่าคนวัยหนุ่มสาว
  • จำเป็นต้องตรวจสุขภาพอย่างละเอียด เช่น โรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ หรือปัญหาเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด
  • เทคนิคที่ช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีขึ้นคือ การดูดไขมันร่วมกับการยกกระชับผิว (Liposuction + Skin Tightening)

อายุ 60 ปีขึ้นไป – ควรพิจารณาเป็นรายบุคคล

  • โดยทั่วไปไม่แนะนำให้ดูดไขมันในวัยนี้ เพราะ ผิวขาดความยืดหยุ่นอย่างมาก ทำให้เกิดความหย่อนคล้อยสูง
  • ระบบการฟื้นตัวของร่างกายช้าลง มีความเสี่ยงสูงกว่าปกติ
  • คนที่อายุเกิน 60 ปีที่ยังมีสุขภาพแข็งแรงและไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรงอาจสามารถทำได้ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • อาจต้องใช้เทคนิคเสริม เช่น ดูดไขมันพร้อมยกกระชับด้วยพลังงาน J plasma ช่วยกระชับผิวหลังทำทันที ประมาณ 20 – 30 %
  • การยกกระชับผิวด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (RF) หรือการศัลยกรรมดึงผิว เพื่อช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามมากขึ้น

ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนดูดไขมัน

แม้อายุจะเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาการดูดไขมัน แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ของหัตถการดูดไขมัน ซึ่งควรคำนึงถึงอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจทำ

1. ตรวจสุขภาพโดยรวม

การมีสุขภาพที่แข็งแรงเป็นเงื่อนไขสำคัญที่สุดสำหรับการดูดไขมัน ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่างอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นและจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ก่อนทำ เช่น

  • โรคหัวใจและหลอดเลือด – การดูดไขมันอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น ลิ่มเลือดอุดตัน
  • เบาหวาน – มีโอกาสติดเชื้อและแผลหายช้ากว่าปกติ
  • ความดันโลหิตสูง – ต้องได้รับการควบคุมให้อยู่ในระดับปกติก่อนทำ
  • ภาวะเลือดแข็งตัวผิดปกติ – อาจทำให้เลือดออกมากกว่าปกติ
  • โรคไตหรือโรคตับ – ร่างกายอาจไม่สามารถขับของเสียหรือฟื้นตัวจากการผ่าตัดได้ดี

หากมีโรคประจำตัว ควรแจ้งแพทย์ให้ละเอียด และในบางกรณีอาจต้องปรึกษาแพทย์เฉพาะทางก่อนตัดสินใจ

2. เป้าหมายและความคาดหวังของผู้เข้ารับการดูดไขมัน

การดูดไขมัน ไม่ใช่วิธีลดน้ำหนัก แต่เป็นการ กำจัดไขมันส่วนเกินในจุดที่ลดได้ยาก เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา สะโพก เอว หรือคาง เหมาะสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวคงที่และต้องการปรับรูปร่าง ช่วยสร้างสัดส่วนที่สมส่วนขึ้น ไม่ได้ทำให้น้ำหนักลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และต้องเข้าใจว่าผิวหนังอาจต้องใช้เวลาในการกระชับตัวหลังดูดไขมัน

หากต้องการลดน้ำหนักมาก ควรใช้วิธีควบคุมอาหารและออกกำลังกายก่อนพิจารณาการดูดไขมัน

3. สภาพผิวและความยืดหยุ่นของผิว

หลังการดูดไขมัน ผิวหนังต้องมีความสามารถในการกระชับตัวเอง หากผิวขาดความยืดหยุ่นอาจเกิดภาวะ ผิวหย่อนคล้อย ได้ โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อความยืดหยุ่นของผิว ได้แก่

  • อายุ – ยิ่งอายุมาก ผิวจะสูญเสียคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้กระชับตัวยากขึ้น
  • การตั้งครรภ์ – ผิวหน้าท้องที่ขยายมากอาจมีความยืดหยุ่นลดลง
  • การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว – อาจทำให้เกิดผิวหนังส่วนเกินที่ไม่สามารถดึงกลับมาได้
  • กรรมพันธุ์ – บางคนอาจมีโครงสร้างผิวที่ยืดหยุ่นดีโดยธรรมชาติ

หากกังวลเรื่องความหย่อนคล้อย อาจต้องพิจารณา การทำหัตถการเสริม เช่น BodyTite, J-Plasma หรือการศัลยกรรมยกกระชับผิว

4. ดัชนีมวลกาย (BMI) และน้ำหนักตัว

แม้ว่าการดูดไขมันจะช่วยกำจัดไขมันส่วนเกิน แต่ไม่ใช่วิธีลดน้ำหนักแบบเร่งด่วนโดยทั่วไป
เหมาะกับผู้ที่มี BMI ไม่เกิน 30 ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะอ้วนมาก (BMI > 35) เนื่องจากอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนสูง และน้ำหนักควรคงที่ ก่อนทำการดูดไขมัน อย่างน้อย 3-6 เดือน เพื่อป้องกันปัญหาไขมันกลับมาสะสมใหม่

5. บริเวณที่ต้องการดูดไขมัน

แต่ละจุดของร่างกายมีความแตกต่างกันในเรื่องของ ปริมาณไขมัน ความหนาของผิว และการฟื้นตัว เช่น

  • หน้าท้อง เอว และสะโพก – บริเวณที่นิยมมากที่สุด เห็นผลลัพธ์ชัดเจน
  • ต้นแขนและต้นขา – อาจต้องใช้เทคนิคเสริมช่วยให้ผิวกระชับ
  • ใต้คางและกรอบหน้า – ใช้ปริมาณไขมันที่ดูดออกน้อย แต่ต้องมีเทคนิคที่แม่นยำ
  • แผ่นหลัง – ไขมันบริเวณนี้มักแข็งตัวมากกว่าบริเวณอื่น อาจใช้เทคนิคเฉพาะ

6. การดูแลหลังการดูดไขมัน

หลังการดูดไขมัน ต้องมีการดูแลตัวเองที่ถูกต้องเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด เช่น

  • การใส่ชุดกระชับสัดส่วน (Compression Garment) – ช่วยลดอาการบวมและกระชับผิว ควรใส่อย่างน้อย 4-6 สัปดาห์
  • การนวดกระชับหลังดูดไขมัน – ช่วยลดอาการบวม และทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
  • การพักฟื้นและงดออกกำลังกายหนัก – ควรพักอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ก่อนกลับมาออกกำลังกายเบา ๆ
  • ควบคุมอาหารและออกกำลังกาย – เพื่อป้องกันไม่ให้ไขมันสะสมใหม่

7. ความชำนาญของแพทย์และคลินิกที่เลือกใช้บริการ

การเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และสถานพยาบาลที่ได้รับมาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญมาก เนื่องจากการดูดไขมันเป็นหัตถการที่ต้องใช้เทคนิคสูง หากทำโดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ไขมันออกไม่สม่ำเสมอ ทำให้เกิดผิวเป็นคลื่น, บาดเจ็บจากเครื่องมือดูดไขมันและติดเชื้อ หรือมีภาวะเลือดออกผิดปกติ ควรที่จะเลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข ศึกษาประสบการณ์ของแพทย์ รีวิวจากผู้ใช้บริการจริง และดูภาพก่อน-หลังทำ

สรุป

หากต้องการดูดไขมัน ช่วงอายุที่ดีที่สุดคือ 20-35 ปี เนื่องจากร่างกายสามารถฟื้นตัวได้ดีและมีความยืดหยุ่นของผิวสูง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญกว่าคือ สุขภาพและสภาพผิว หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาศัลยแพทย์เฉพาะทางเพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนตัดสินใจทำ

Add Line@

โพสต์ยอดนิยม

อยากดูดไขมันแต่กลัวเจ็บ! มีวิธีไหนช่วยลดความเจ็บปวดได้บ้าง?
อาการแทรกซ้อนจากการดูดไขมันที่คุณต้องรู้
การดูดไขมัน (Liposuction) ควรทำตอนอายุเท่าไหร่ดีที่สุด?
โรคผมร่วงเป็นหย่อม Alopecia Areata
ปลูกผมสเต็มเซลล์ VS ปลูกผมถาวร
ทำไมบางคนทำศัลยกรรมยกกระชับหน้าอกแล้วหน้าอกแข็ง?
อาหารที่ควรกินและหลีกเลี่ยงหลังศัลยกรรมยกกระชับหน้าอก
เลือกตำแหน่งผ่าตัดเสริมหน้าอก
ดูดไขมันผู้ชาย เคล็ดลับปั้นหุ่นให้เฟิร์มในพริบตา!
การดูดไขมันกับความเข้าใจผิดที่ต้องแก้ไข