รู้ไว้ก่อนปลูกผม – Hair Transplant
รู้ไว้ก่อนปลูกผม
ปัญหาผมร่วง ผมบาง หัวล้าน หน้าผากสูง จัดเป็นเรื่องกวนใจของหลายคนที่ส่งผลต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจ ทำให้หลาย ๆ คนต่างหาทางแก้ไขปัญหา เพื่อดึงความมั่นใจกลับคืนมาให้กับตนเองอีกครั้ง และหนึ่งในวิธีที่เลือกใช้นั่นก็คือการ “ปลูกผม” ปัญหาหัวล้าน-เถิกเป็นเรื่องที่ผู้ชายทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วแต่ความโชคดีของแต่ละคนว่าจะเริ่มมีอาการล้าน-เถิกกันที่อายุเท่าไร เนื่องจากเป็นปัญหาที่สืบทอดกันมาทางพันธุกรรมและฮอร์โมนเพศชายที่มีในผู้ชายและผู้หญิง (ในปริมาณที่น้อยกว่าผู้ชาย) ทุกคนตามธรรมชาติ โดยในผู้ชายจะมีฮอร์โมนเพศชายตัวหลักที่มีชื่อว่าเทสโทสเตอโรน (testosterone) ที่จะถูกเปลี่ยนไปเป็นฮอร์โมนเพศชายอีกตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า dihydrotestosterone (DHT) โดยเอนไซม์ 5-alpha reductase ที่รากผม ซึ่งฮอร์โมน DHT นี้เป็นตัวการที่ไปทำให้เส้นค่อย ๆ มีขนาดเล็กลงและหายไปจากหนังศีรษะในที่สุดทำให้ผมบาง เถิก และล้านในที่สุด แต่ก็ใช่ว่าเมื่อคิดที่จะปลูกผมแล้ว จะสามารถไปทำได้เลย เพราะหากตัดสินใจทันที ไม่หาข้อมูลที่สำคัญก่อน อาจจะทำให้มานั่งเสียดายทีหลัง เพราะในความเป็นจริงแล้ว ยังมีเรื่องที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจปลูกผมอีกด้วย ถ้าไม่อยากเสียเงินแต่ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีตามที่ต้องการ การรู้ไว้ก่อนตัดสินใจย่อมดีที่สุดค่ะ
ผมร่วงแค่ไหนถึงควรที่จะปลูกผม
การปลูกผมเหมาะกับบุคคลดังต่อไปนี้ คนที่มีหนังศีรษะล้าน (คือไม่มีเส้นผมเลย) หรือผมบางมากประเภทมีแต่เส้นขนฝอยๆ ดังนั้นในคนไข้ที่มีผมบางเล็กน้อยจะเหมาะกับการรักษาวิธีอื่นมากกว่า เช่น การใช้ยา เป็นต้น หน้าผากกว้าง หน้าผากสูงแต่กำเนิด ต้องการซ่อนแผลเป็นที่เกิดขึ้นหลังจากการผ่าตัดยกหน้ายกคิ้ว หรือเส้นผมบริเวณจอนหายไปจากการผ่าตัดยกใบหน้า คนที่มีแผลเป็นที่เกิดจากอุบัติเหตุ แผลไฟไหม้ หรือแผลติดเชื้อ แต่ทั้งนี้เกือบร้อยละ 90 ของคนที่มาปลูกผมจะเป็นเพศชายที่มีภาวะผมบางทางพันธุกรรม (Androgenetic alopecia) หรือพูดง่ายๆ ก็คือ มีคนในครอบครัวผมบางศีรษะล้านแล้วตัวเราเองก็ผมบางตามไปด้วย โดยโรคนี้พบได้บ่อยมากประมาณกันว่า 30-50% ของผู้ชายทั่วโลกจะมีภาวะนี้และอาการผมร่วงจะรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุ การปลูกผมสามารถปลูกได้กับกลุ่มผู้ชายเหล่านี้ตราบเท่ายังมีเส้นผมด้านข้างและด้านหลังหลงเหลือเยอะอยู่
ปลูกผม มีกี่ประเภท
ในปัจจุบันเทคนิคการปลูกผมที่นิยมแบ่ง 2 ประเภท คือ ปลูกผมด้วยวิธีผ่าตัด (FUT) กับวิธีเจาะ (FUE)
วิธีแรก (FUT) จะใช้การผ่าตัดเอาผมส่วนนึงออกมาแล้วเย็บแผลให้ติดกัน (ตามรูปด้านล่าง) ส่วนวิธี FUE จะใช้หัวเจาะที่เล็กมากๆ ขนาด 0.7-1.0 มม. เจาะครอบเส้นผมแล้วดึงเส้นผมออกมา ซึ่งการทำ FUE นั้นสามารถแบ่งย่อยออกได้อีกเป็น
- Manual FUE คือ แพทย์จะใช้นิ้วมือจับหัวเจาะแล้วปั่นเจาะเส้นผมเองโดยตรง ซึ่งในปัจจุบันไม่ค่อยพบเห็นวิธีนี้เท่าไร
- Power FUE คือ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ามาแทนที่การหมุนด้วยนิ้วมือ ซึ่งจะช่วยทุนแรงในการเจาะ
- Robotic FUE คือ ใช้หุ่นยนต์เจาะแทน ส่วนแพทย์คอยควบคุมหุ่นยนต์อยู่ข้างๆ วิธีนี้มักจะมีค่าใช้จ่ายสูงสุดเมื่อเทียบกับวิธีข้างต้น
ค่าใช้จ่าย
หลายคนคงเคยได้ยินว่าการปลูกผมมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง โดยการปลูกผมในแต่ละครั้งมักมีค่าใช้จ่ายหลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่าการปลูกผมเป็นงานละเอียด ปลูกผมแต่ละคนจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 4-6 ชั่วโมง ซึ่งเมื่อเทียบกับศัลยกรรมความงามอื่นๆ แล้วจะพบว่าค่ารักษาจะดูเหมือนถูกไปเลยเมื่อนำไปหารกับจำนวนชั่วโมงในการผ่าตัด ค่าใช้จ่ายปลูกผมโดยทั่วไปจะขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟผมหรือจำนวนเส้นผมที่ปลูก
กราฟ คืออะไร?
กราฟต์ (Graft) เป็นคำที่ใช้เรียกในกระบวนการปลูกผม ซึ่งหมายถึง กอผมที่ถูกดึงออกมาใช้ในการปลูกผม ทั้งนี้โดยปกติกอผมแต่ละกอจะมีเส้นผมอยู่รวมกันประมาณหนึ่งถึงหลาย ๆ เส้น และคนเราจะมีกอผมทุกขนาดอยู่บนหนังศีรษะ โดยในการปลูกผมจำนวนกราฟต์ที่ต้องใช้ในการปลูกผมจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับปัญหาที่มีของแต่ละคน กราฟต์ผมที่ได้มาจะถูกนำไปเตรียมและคัดแยกตามจำนวนเส้นผมที่มีในแต่ละกราฟต์ก่อนนำไปปลูกยังบริเวณที่ต้องการ งานปลูกผมจึงเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดในการทำเพื่อให้ได้เส้นผมที่แข็งแรง และผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติที่สุดที่จะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต ในทางการแพทย์ กราฟต์ (graft) คือ เนื้อเยื่อที่มีความสมบูรณ์แข็งแรงที่ถูกนำมาจากส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเพื่อนำไปใช้ในการซ่อมแซมส่วนอื่นของร่างกายที่มีความเสียหาย ฉะนั้นกราฟต์ผม (hair graft) ก็คือเนื้อเยื่อเส้นผมที่มีความสมบูรณ์แข็งแรงที่ถูกย้ายไปเพื่อซ่อมแซมบริเวณที่ไม่มีเส้นผมแล้ว
การเตรียมตัวก่อนปลูกผม
ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการปลูกผมด้วยวิธีการศัลยกรรมนี้ สิ่งแรกที่จำเป็นต้องทำคือแพทย์จะต้องระบุสาเหตุของอาการศีรษะล้าน เพื่อนำมาผลที่ได้มาวินิจฉัยว่าจำเป็นต้องใช้การปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาหรือไม่ หากอาการหนังศีรษะล้านเกิดจากการรักษา การใช้ยา หรือเป็นเพียงอาการผมร่วงที่เกิดขึ้นชั่วคราว ก็อาจไม่จำเป็นต้องใช้การปลูกผมเข้าช่วย หลังจากทราบสาเหตุแล้ว พร้อมกับทั้งผู้ที่มีปัญหาศีรษะล้านและศัลยแพทย์ตัดสินใจจะใช้การปลูกผมเพื่อรักษาอาการดังกล่าว ศัลยแพทย์จะแนะนำขั้นตอนในการเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผม ผู้เข้ารับการปลูกผมจะต้องทำตามอย่างเคร่งครัดเพื่อเลี่ยงการเกิดปัญหาในขณะทำการปลูกผม และภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบภายหลัง ขณะที่แนวทางในการปฏิบัติตนก่อนเข้ารับการปลูกผมมีดังนี้
- งดสูบบุหรี่ ผู้ที่สูบบุหรี่ควรหยุดสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด และหลังจากการปลูกผมอย่างน้อย 1 เดือน เนื่องจากการสูบบุหรี่จะไปขัดขวางการไหลเวียนของเลือดไปยังผิวหนัง และทำให้แผลจากการปลูกผมหายช้าลง
- หยุดการรับประทานยา โดยเฉพาะวิตามินหรือยารักษาอาการบางชนิด เพราะยาอาจส่งผลกระทบต่อการรักษาได้
- สระผมให้สะอาดและหลีกเลี่ยงการจัดแต่งทรงผม ในวันที่มีการปลูกผม ควรสระผมให้สะอาดตั้งแต่ตอนเช้า และเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมทุกชนิด บางครั้งศัลยแพทย์อาจแนะนำให้ผู้เข้ารับการปลูกผมงดการตัดผมอย่างน้อย 1 เดือนก่อนเริ่มทำการปลูกผมเพื่อให้ผมส่วนอื่นยาวพอที่จะนำมาปิดส่วนที่ปลูกผมได้
นอกจากนี้ยังควรวางแผนในการเดินทางไป-กลับในวันที่ทำการปลูกผมด้วย เนื่องจากผู้ที่เข้ารับการปลูกผมไม่ควรขับขี่รถยนต์กลับบ้านเพียงลำพัง อีกทั้งยังควรวางแผนในการหยุดงานเพื่อพักฟื้นอย่างน้อย 1 สัปดาห์จะดีที่สุด ถึงแม้ว่าแพทย์จะแนะนำให้พักผ่อนและกลับไปทำงานได้ภายใน 1-2 วันก็ตาม
หลังปลูกผมต้องกินยาควบคู่ไปด้วยหรือไม่?
คำถามยอดฮิตสำหรับผู้ที่อยากปลูกผมทุกคน การที่จะต้องกินหรือทายาปลูกผมหรือไม่นั้นขึ้นกับว่าปัญหาผมบางศีรษะล้านเกิดจากอะไร ถ้าคนที่มาปลูกผมจากสาเหตุหน้าผากสูง หน้าผากกว้างตั้งแต่กำเนิด หรือมีแผลเป็นที่หนังศีรษะก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ยาเพิ่มเติม แต่หากคนที่มาปลูกผมเกิดจากภาวะผมบางทางพันธุกรรม ก็ต้องเข้าใจว่าการปลูกผมไม่ได้แก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุซึ่งก็คือ กรรมพันธุ์และฮอร์โมนเพศชาย ดังนั้นในคนไข้ประเภทนี้จึงแนะนำว่าหากใช้ยาปลูกผมร่วมด้วยได้ก็จะดีที่สุด เพราะจะช่วยชะลอภาวะผมบางศีรษะล้านไม่ให้เกิดช่องว่างระหว่างผมที่ปลูกกับผมดั้งเดิมที่กำลังหลุดร่วงไป ไม่เช่นนั้นแล้วคนไข้ก็ต้องกลับมาปลูกผมซ้ำอีกเพื่อทดแทนผมที่หายไป
การดูแลหลังปลูกผม
หลังจากการปลูกผม หนังศีรษะของผู้เข้ารับการปลูกผมอาจมีอาการบวมอย่างมาก และอาจต้องใช้ยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการจนกว่าจะทุเลาลง ศัลยแพทย์จะให้ผู้เข้ารับการปลูกผมปิดผ้าพันแผลที่บริเวณหนังศีรษะอย่างน้อย 1-2 วัน นอกจากนี้ยังอาจมีการสั่งให้ใช้ยาปฏิชีวนะหรือยาต้านอาการอักเสบต่อเนื่องหลายวัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่เข้ารับการปลูกผมจะสามารถกลับไปทำงานได้ภายใน 2-5 วัน เมื่อผ่านไปประมาณ 2-3 สัปดาห์หลังการปลูกผม ผมที่รับการปลูกถ่ายมาจะเริ่มร่วง ซึ่งนั่นไม่ใช่ความผิดปกติ เพราะผมเส้นใหม่จะเริ่มขึ้นภายในเวลาไม่กี่เดือนต่อมา โดย 60% ของผู้ที่เข้ารับการปลูกผมนั้นพบว่าเส้นผมใหม่จะใช้เวลาขึ้นประมาณ 6-9 เดือน
ศัลยแพทย์บางท่านอาจสั่งใช้ยาเร่งผมยาวร่วมด้วยเพื่อช่วยให้ผมขึ้นหลังจากการปลูกผม แต่ก็ยังไม่มีผลแน่ชัดว่าวิธีนี้จะช่วยได้จริงหรือไม่
การปลูกผมด้วยวิธีการศัลยกรรมมีภาวะแทรกซ้อนที่ควรระมัดระวังและผลข้างเคียงที่อาจพบได้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักจะเกิดมาจากการติดเชื้อ เช่น
- เลือดออกมากผิดปกติ
- เกิดการติดเชื้อบนหนังศีรษะ
- หนังศีรษะบวม
- มีรอยช้ำบริเวณรอบดวงตา
- มีแผลตกสะเก็ดหรือน้ำเหลืองที่บริเวณหนังศีรษะที่ทำการปลูกผม หรือบริเวณที่ผมถูกย้ายไปปลูกที่อื่น
- รู้สึกชาหรือไม่มีความรู้สึกบริเวณหนังศีรษะที่ทำการปลูกผม
- มีอาการคัน
- แผลเป็นบนหนังศีรษะจากการปลูกผม
- เกิดอาการอักเสบหรือการติดเชื้อที่ต่อมขุมขน (Folliculitis)
นอกจากนี้ยังอาจพบอาการผมร่วงที่ได้รับการปลูกถ่ายร่วงอย่างกะทันหัน ซึ่งเรียกว่า (Shock Loss) แต่จะเกิดขึ้นชั่วคราว เพราะหลังจากนั้นผมจะเริ่มขึ้นใหม่อีกครั้ง แต่ถ้าหากเวลาผ่านไปแล้วผมยังไม่ขึ้นหรือมีอาการอักเสบ อาการติดเชื้อเกิดรุนแรงขึ้นควรจะรีบกลับไปพบแพทย์
ความเชี่ยวชาญของแพทย์เป็นเรื่องสำคัญ
ใครที่คิดว่าปลูกผมนั้นทำที่ไหนก็ทำได้ ขอบอกว่าคุณกำลังคิดผิดอย่างมากเลยค่ะ เพราะถ้าหากอยากผลลัพธ์ที่ดี ไม่เสียเงินเปล่า ก็ควรปลูกผมกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการปลูกผมโดยเฉพาะ เพราะแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจะสามารถประเมิน และปลูกผมได้อย่างเชี่ยวชาญ ทำให้ผมกลับมาดกดำอีกครั้งอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าไม่เชี่ยวชาญพอ ก็อาจปลูกผมออกมาดูไม่สวย หรือดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าที่ควร นอกจากนี้เรื่องของค่าใช้จ่ายก็เป็นเรื่องสำคัญ อย่ามัวแต่มองหาสถานพยาบาลที่ปลูกผมในราคาที่ถูกจนเกินไป เพราะต้องบอกว่าของถูกและดีไม่มีอยู่จริง ! แถมยังอาจได้ของแถมเป็นการติดเชื้อ หรือไม่ก็ได้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพึงพอใจ เสียเงินฟรี และเสียความรู้สึกอีกด้วย ดังนั้นก่อนตัดสินใจปลูกผมควรคิดและศึกษาให้ดีก่อนนะคะ
การรักษาผมบาง ผมร่วง หากรักษาอย่างถูกวิธี โดยพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ตั้งแต่เนิ่นๆ ทำให้การรักษารวดเร็ว ตรงจุด และโอกาสที่ผมจะกลับมาหนาดกดำ ขึ้นใหม่อย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กลับมาดูดีอีกครั้งค่ะ
ติดตามข้อมูลข่าวสารและโปรโมชั่นของ DERMASTER ได้ทุกช่องทาง
📌 Facebook : @dermasterthailand คลิ๊ก
📌 Instagram : dermaster_ คลิ๊ก
📌 Line Official : @dermaster คลิ๊ก