• 02 714 4471
  • 342 Ekamai Rd, Bangkok 10110
  • Mon - Sun: 09:00 - 20:00
  • 02 246 0042
  • 44/1 Asoke-Dindaeng Rd, Bangkok 10310
  • Mon-Sun: 11:00 - 19:00
  • 088 152 4444
  • 16/7 North Sathorn Rd, Silom, Bangkok 10500
  • Mon-Sun: 11:00 - 20:00
  • 02 253 9269
  • 1025 Ploenchit Rd, Lumpini, Bangkok 10330
  • Mon-Sun: 11:00 - 20:00
  • 02 539 4888
  • 1416 ซอย ลาดพร้าว 87 แขวง คลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร 10240
  • Mon-Sun: 11:00 - 20:00

บล็อค

เคล็ดลับ

ศัลยกรรมยกกระชับหน้าอกหลังลดน้ำหนัก สิ่งที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจ

ศัลยกรรมยกกระชับหน้าอกหลังลดน้ำหนัก สิ่งที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจ

ปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยหลังลดน้ำหนัก

การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วหรือการลดน้ำหนักในปริมาณมากสามารถทำให้เกิดปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยได้ เนื่องจากผิวหนังและเนื้อเยื่อของหน้าอกไม่สามารถยืดหยุ่นกลับมาเหมือนเดิมได้อย่างสมบูรณ์ หลังจากการสูญเสียไขมันในบริเวณนี้ ซึ่งมักเกิดขึ้นในผู้หญิงที่มีหน้าอกขนาดใหญ่หรือผู้ที่เคยมีน้ำหนักตัวมากและลดลงอย่างรวดเร็ว ปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยหลังลดน้ำหนักอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ดังนี้:

สาเหตุที่ทำให้หน้าอกหย่อนคล้อยหลังลดน้ำหนัก:

  1. การสูญเสียไขมันในหน้าอก:
    • หน้าอกมีไขมันและเนื้อเยื่อที่ช่วยให้หน้าอกดูเต่งตึง หากการลดน้ำหนักทำให้ไขมันในร่างกายลดลง หน้าอกก็จะสูญเสียความเต่งตึงและอาจดูหย่อนคล้อยลง
  2. การสูญเสียความยืดหยุ่นของผิวหนัง:
    • เมื่อผิวหนังขยายตัวเพื่อรองรับไขมันในร่างกายแล้ว หลังจากการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ผิวหนังอาจไม่สามารถหดกลับมาได้เต็มที่ ทำให้เกิดการหย่อนคล้อย
  3. อายุและพันธุกรรม:
    • เมื่ออายุมากขึ้น ความยืดหยุ่นของผิวหนังและเนื้อเยื่อในหน้าอกจะลดลง ซึ่งทำให้หน้าอกหย่อนคล้อยง่ายขึ้น
    • พันธุกรรมก็มีบทบาทในการกำหนดลักษณะของหน้าอก หากในครอบครัวมีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยก็อาจมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นเช่นกัน

วิธีศัลยกรรมยกกระชับหน้าอกที่นิยม และข้อดี-ข้อเสียของแต่ละเทคนิค

การศัลยกรรมยกกระชับหน้าอก (Mastopexy) เป็นการผ่าตัดที่ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยและทำให้หน้าอกกลับมาดูเต่งตึงขึ้น โดยจะมีหลายเทคนิคที่ใช้ในการยกกระชับหน้าอก ขึ้นอยู่กับระดับของการหย่อนคล้อยและผลลัพธ์ที่ต้องการ ต่อไปนี้คือ วิธีศัลยกรรมยกกระชับหน้าอกที่นิยม

1. Mastopexy แบบมาตรฐาน (Full Mastopexy) ในการผ่าตัดแบบนี้ แพทย์จะทำการตัดผิวหนังส่วนเกินรอบ ๆ หน้าอกและยกหน้าอกให้สูงขึ้น โดยการทำแผลจะมีลักษณะคล้ายรูปดอกไม้ (เชื่อมต่อระหว่างแนวรอบปานนม, แนวดิ่งจากปานนมลงไปที่รอยพับใต้หน้าอก, และรอยพับใต้หน้าอก)

ข้อดี: ผลลัพธ์ที่ได้เป็นที่พึงพอใจและหน้าอกจะดูเต่งตึงขึ้น

ข้อเสีย: มีแผลเป็นมากที่สุด เนื่องจากการตัดผิวหนังส่วนเกิน

2. Mastopexy แบบวงกลมรอบปานนม (Periareolar Mastopexy หรือ Donut Mastopexy) วิธีการ: เป็นการทำแผลเพียงรอบปานนม โดยตัดผิวหนังส่วนเกินจากรอบปานนมและยกหน้าอกขึ้นมา โดยไม่ต้องทำแผลแนวดิ่งหรือตัดผิวหนังที่รอยพับใต้หน้าอก

ข้อดี: แผลจะมีขนาดเล็กและไม่เห็นชัดเจน

ข้อเสีย: อาจไม่สามารถยกหน้าอกได้มากหากมีการหย่อนคล้อยมาก

3. Mastopexy แบบลายบรรทัดแนวดิ่ง (Vertical Mastopexy หรือ Lollipop Mastopexy) การทำแผลในลักษณะแนวดิ่งจากปานนมลงไปที่รอยพับใต้หน้าอก (คล้ายรูป “ลูกกวาด”) ซึ่งช่วยในการยกกระชับหน้าอกและลดปัญหาผิวหนังส่วนเกิน

ข้อดี: แผลจะน้อยกว่าการทำแบบมาตรฐาน

ข้อเสีย: ผลลัพธ์อาจไม่คงทนเท่ากับการทำแบบมาตรฐาน

4. Mastopexy ร่วมกับการเสริมหน้าอก (Combined Mastopexy and Augmentation)

การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนหรือสารเสริมอื่นๆ เช่น สารเติมเต็ม เพื่อเพิ่มขนาดและช่วยให้หน้าอกดูเต่งตึงขึ้น โดยการทำการยกกระชับพร้อมกับการเสริมหน้าอกในครั้งเดียว

ข้อดี: สามารถเพิ่มขนาดหน้าอกและกระชับได้ในขั้นตอนเดียว

ข้อเสีย: ต้องการการฟื้นตัวนานขึ้นและมีค่าใช้จ่ายสูง

5. Mastopexy แบบเสริมซิลิโคน (Breast Lift with Implants) ใช้การเสริมซิลิโคนเพื่อทำให้หน้าอกดูเต็มและกระชับขึ้นร่วมกับการยกกระชับหน้าอกเพื่อจัดรูปร่าง

ข้อดี: ให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างคงทนและสวยงาม

ข้อเสีย: ค่าใช้จ่ายสูงและอาจมีความเสี่ยงจากการเสริมซิลิโคน

ผลลัพธ์และระยะเวลาฟื้นตัว

ระยะเวลาฟื้นตัวหลังการยกกระชับหน้าอก

ระยะเวลาฟื้นตัวหลังการยกกระชับหน้าอกจะขึ้นอยู่กับประเภทของการผ่าตัด, วิธีการที่ใช้, และสุขภาพโดยรวมของผู้ทำการศัลยกรรม แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีขั้นตอนและระยะเวลาฟื้นตัวดังนี้:

  1. ระยะเวลาฟื้นตัวเบื้องต้น (1-2 สัปดาห์แรก):
    • บวมและช้ำ: ในช่วง 1-2 วันแรกหลังการผ่าตัด คุณอาจจะรู้สึกเจ็บปวด บวม และมีรอยช้ำบริเวณหน้าอก บางคนอาจจะต้องใช้ยาช่วยบรรเทาอาการปวด
    • สวมบราผ่าตัด: แพทย์จะแนะนำให้สวมบราที่ออกแบบมาสำหรับการผ่าตัดเพื่อช่วยให้หน้าอกคงรูปและลดอาการบวม
    • การพักผ่อน: ควรพักผ่อนให้เพียงพอและหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงหรือกิจกรรมที่ทำให้หน้าอกต้องเคลื่อนไหวมากเกินไป เช่น การยกของหนัก
  2. การฟื้นตัวระยะกลาง (2-6 สัปดาห์):
    • การหายบวม: ในช่วงนี้บวมจะเริ่มลดลงและคุณจะเริ่มเห็นรูปร่างของหน้าอกที่ยกกระชับขึ้น
    • การกลับไปทำงาน: สามารถกลับไปทำงานได้หลังจาก 1-2 สัปดาห์ (หากเป็นงานที่ไม่ต้องใช้แรงงานมาก) แต่ต้องหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ และการทำกิจกรรมที่อาจกระทบกับหน้าอก
    • ผลลัพธ์เริ่มเห็นชัดเจน: การยกกระชับหน้าอกจะเริ่มเห็นผลชัดเจนขึ้น และหน้าอกจะมีรูปร่างที่กระชับขึ้นกว่าเดิม
  3. ระยะเวลาฟื้นตัวเต็มที่ (6 สัปดาห์ – 3 เดือน):
    • การหายตัวของแผล: แผลจากการผ่าตัดจะเริ่มหายและลดความชัดเจนลงในช่วง 3 เดือนแรก
    • การกลับไปออกกำลังกาย: คุณสามารถเริ่มกลับไปออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงหลังจาก 6-8 สัปดาห์ (ตามคำแนะนำของแพทย์) เพื่อไม่ให้หน้าอกได้รับการกระทบที่มากเกินไป
    • ผลลัพธ์ที่คงที่: ผลลัพธ์จากการยกกระชับหน้าอกจะคงที่และเสถียรหลังจาก 3 เดือน โดยแผลจะค่อยๆ จางลงและหน้าอกจะดูเป็นธรรมชาติและกระชับ

ปัจจัยที่ต้องพิจารณาก่อนศัลยกรรม

ก่อนการตัดสินใจทำศัลยกรรมยกกระชับหน้าอก (Mastopexy) หรือการทำศัลยกรรมประเภทใดๆ ก็ตาม มีปัจจัยหลายอย่างที่ควรพิจารณาเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดสำหรับตัวคุณเอง ปัจจัยเหล่านี้ประกอบด้วยทั้งเรื่องสุขภาพ, ความพร้อมทางจิตใจ, และข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัด ดังนี้:

1. สุขภาพโดยรวม

  • ความแข็งแรงของร่างกาย: คุณควรมีสุขภาพที่ดี ไม่มีโรคประจำตัวที่อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวหลังการผ่าตัด เช่น โรคหัวใจ, โรคเบาหวาน, หรือปัญหาการแข็งตัวของเลือด

2. เลือกศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์

  • ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ: ควรเลือกศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการทำศัลยกรรมยกกระชับหน้าอกโดยเฉพาะ และได้รับการรับรองจากสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่ง (เช่น สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย)

3. การเลือกประเภทของการผ่าตัด

  • เทคนิคการผ่าตัด: คุณควรทราบถึงเทคนิคต่างๆ ในการยกกระชับหน้าอก เช่น แบบมาตรฐาน, แบบวงกลมรอบปานนม, หรือแบบลายบรรทัดแนวดิ่ง เพื่อให้คุณเลือกวิธีที่เหมาะสมกับลักษณะหน้าอกของคุณ

4. ค่าใช้จ่าย

  • ค่าใช้จ่ายในการศัลยกรรม: การทำศัลยกรรมยกกระชับหน้าอกมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับคลินิก, ศัลยแพทย์, และประเภทของการผ่าตัด ค่าใช้จ่ายนี้อาจรวมถึงค่าปรึกษา, ค่าผ่าตัด, ค่ายา, และค่าใช้จ่ายหลังการผ่าตัด

5. ผลลัพธ์ระยะยาว

  • ความยั่งยืนของผลลัพธ์: ผลลัพธ์จากการยกกระชับหน้าอกจะอยู่ได้ระยะหนึ่ง แต่การลดหรือเพิ่มน้ำหนักในอนาคตอาจส่งผลต่อผลลัพธ์

6. ความเสี่ยงและการฟื้นตัวจากการผ่าตัด

  • ความเสี่ยงทั่วไป: การผ่าตัดทุกประเภทมีความเสี่ยง เช่น การติดเชื้อ, การตกเลือด, หรือการเกิดแผลเป็นที่ไม่สวยงาม

การพิจารณาปัจจัยทั้งหมดก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรมยกกระชับหน้าอกจะช่วยให้คุณมีข้อมูลที่ครบถ้วนและสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจที่สุด การปรึกษาศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์, การตรวจสอบสุขภาพโดยรวม, และการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการฟื้นตัวจะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดและปลอดภัย

Add Line@

โพสต์ยอดนิยม

ราคาและระยะเวลาพักฟื้น เปรียบเทียบวิธียกกระชับหน้าอกในปี 2025
ศัลยกรรมยกกระชับหน้าอกหลังลดน้ำหนัก สิ่งที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจ
เทคนิคยกกระชับหน้าอกแบบไม่ต้องผ่าตัด ทางเลือกใหม่สำหรับสาวไทย
อยากดูดไขมันแต่กลัวเจ็บ! มีวิธีไหนช่วยลดความเจ็บปวดได้บ้าง?
อาการแทรกซ้อนจากการดูดไขมันที่คุณต้องรู้
การดูดไขมัน (Liposuction) ควรทำตอนอายุเท่าไหร่ดีที่สุด?
โรคผมร่วงเป็นหย่อม Alopecia Areata
ปลูกผมสเต็มเซลล์ VS ปลูกผมถาวร
ทำไมบางคนทำศัลยกรรมยกกระชับหน้าอกแล้วหน้าอกแข็ง?
อาหารที่ควรกินและหลีกเลี่ยงหลังศัลยกรรมยกกระชับหน้าอก