ราคาและระยะเวลาพักฟื้น เปรียบเทียบวิธียกกระชับหน้าอกในปี 2025
เทคนิคยกกระชับหน้าอกที่มีในปี 2025
เทคนิคยกกระชับหน้าอกในปี 2025 มีหลายเทคนิคที่สามารถเลือกใช้ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ที่ทำการผ่าตัด และระดับของการหย่อนคล้อยของหน้าอก เทคนิคที่ใช้ในการยกกระชับหน้าอกจะถูกพัฒนาให้เหมาะสมกับการฟื้นตัวที่รวดเร็วและผลลัพธ์ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีเทคนิคใหม่ๆ ที่ช่วยลดการเกิดแผลและเพิ่มความสะดวกในการดูแลหลังการผ่าตัด โดยแต่ละเทคนิคจะเหมาะสมกับการหย่อนคล้อยในระดับต่างๆ และผลลัพธ์ที่ต้องการ หากคุณมีการหย่อนคล้อยมาก การเลือกทำแบบ Full Mastopexy หรือ Combined Mastopexy and Augmentation อาจเป็นทางเลือกที่ดี ส่วนการทำ Mastopexy แบบวงกลมรอบปานนม หรือ Endoscopic Mastopexy เหมาะสำหรับการหย่อนคล้อยที่น้อยถึงปานกลาง ซึ่งจะช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วและผลลัพธ์สวยงาม
ช่วงราคาของแต่ละวิธีในไทย
การผ่าตัดยกกระชับหน้าอกเป็นวิธีที่นิยมมากที่สุดสำหรับการยกกระชับหน้าอกให้มีลักษณะที่เต่งตึงและยกสูงขึ้น โดยการผ่าตัดจะมีการตัดและยกเนื้อเยื่อหน้าอกให้สูงขึ้น ค่าใช้จ่ายในการยกกระชับหน้าอกในไทยจะแตกต่างกันไปตามเทคนิคที่เลือกใช้ และปัจจัยอื่น ๆ เช่น สถานที่และผู้ให้บริการ
การศัลยกรรมยกกระชับหน้าอก (Breast Lift ) ค่าใช้จ่าย ประมาณ 150,000 – 250,000 บาท ขึ้นอยู่กับสถานที่เเละ ประสบการณ์ของแพทย รวมถึงความซับซ้อนของการผ่าตัด
ระยะเวลาฟื้นตัวของแต่ละเทคนิค
ระยะเวลาฟื้นตัวหลังการทำศัลยกรรมยกกระชับหน้าอกจะแตกต่างกันไปตามเทคนิคที่เลือกใช้ โดยส่วนใหญ่แล้วฟื้นตัวได้ภายในช่วง 1-2 เดือน แต่แต่ละเทคนิคจะมีระยะเวลาฟื้นตัวและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้:
1. Mastopexy แบบมาตรฐาน (Full Mastopexy)
- ระยะเวลาฟื้นตัว: 2 – 4 สัปดาห์
- สัปดาห์แรก: จะมีอาการบวม, ช้ำ และอาจมีความรู้สึกเจ็บที่หน้าอก ควรพักผ่อนและหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่อาจทำให้แผลเกิดความเครียด
- หลังจากสัปดาห์ที่ 2: อาการบวมจะเริ่มลดลง คุณสามารถกลับไปทำกิจกรรมเบาๆ ได้ เช่น เดินหรือทำงานที่ไม่ต้องใช้แรงมาก
- หลังจากสัปดาห์ที่ 4: อาการบวมเกือบจะหายไป และสามารถกลับไปทำกิจกรรมปกติได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือการออกกำลังกายที่ต้องใช้หน้าอกในการเคลื่อนไหว
2. Mastopexy แบบวงกลมรอบปานนม (Periareolar Mastopexy หรือ Donut Mastopexy)
- ระยะเวลาฟื้นตัว: 1 – 2 สัปดาห์
- สัปดาห์แรก: อาการบวมและช้ำจะมีน้อยกว่าการทำแบบมาตรฐาน ฟื้นตัวได้เร็วกว่าและคุณสามารถกลับไปทำงานที่ไม่ต้องใช้การยกของหนักได้ภายใน 1 สัปดาห์
- หลังจากสัปดาห์ที่ 2: อาการบวมจะหายไปเกือบหมด และแผลจะเริ่มสมานตัว ซึ่งอาจจะต้องใส่บราผ่าตัดและหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจกระทบกับหน้าอกในช่วงนี้
- หลังจาก 2 สัปดาห์: สามารถกลับไปทำกิจกรรมปกติได้ โดยที่แผลจะค่อยๆ ดีขึ้น
3. Mastopexy แบบลายบรรทัดแนวดิ่ง (Vertical Mastopexy หรือ Lollipop Mastopexy)
- ระยะเวลาฟื้นตัว: 2 – 3 สัปดาห์
- สัปดาห์แรก: อาการบวมและช้ำจะเห็นได้ชัดในช่วง 1 สัปดาห์แรก ต้องพักผ่อนและหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องใช้หน้าอก
- หลังจากสัปดาห์ที่ 2: อาการบวมจะค่อยๆ ลดลง คุณสามารถกลับไปทำงานเบาๆ หรือกิจกรรมที่ไม่ต้องใช้แรงมาก
- หลังจากสัปดาห์ที่ 3: ฟื้นตัวได้ดีขึ้น คุณสามารถกลับไปทำกิจกรรมตามปกติได้ แต่ยังต้องหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก
ปัจจัยที่มีผลต่อค่าใช้จ่าย
ค่าใช้จ่ายในการทำศัลยกรรมยกกระชับหน้าอกสามารถแตกต่างกันไปตามหลายปัจจัยที่มีผลต่อราคา โดยปัจจัยที่มีผลต่อค่าใช้จ่ายจะรวมถึงสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัดและการดูแลหลังการผ่าตัด ดังนี้
- ประเภทของเทคนิคการยกกระชับหน้าอก มีราคาแตกต่างกัน เช่น การทำ Mastopexy แบบมาตรฐาน (Full Mastopexy) จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า Mastopexy แบบวงกลมรอบปานนม (Periareolar Mastopexy) เพราะการทำแผลใหญ่และการผ่าตัดที่มีความซับซ้อนมากกว่า
- ศัลยแพทย์และประสบการณ์ ศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญสูงจะมีค่าบริการที่สูงขึ้น ซึ่งอาจเพิ่มค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด
- คลินิกหรือโรงพยาบาลที่ให้บริการ การใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัยในคลินิกหรือโรงพยาบาลที่มีบริการคุณภาพสูง อาจส่งผลให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
- ระดับของการหย่อนคล้อยของหน้าอก การผ่าตัดจะซับซ้อนและต้องใช้เวลาในการทำมากกว่า การทำแบบที่มีการหย่อนคล้อยน้อย ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
- ชนิดของซิลิโคน (ถ้ามีการเสริม) ซิลิโคนที่มีคุณภาพดี มีรูปลักษณ์เป็นธรรมชาติและมีความทนทานสูง จะมีราคาสูงกว่าซิลิโคนทั่วไป
- การใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์พิเศษ เช่นการใช้เทคโนโลยีส่องกล้อง หรือกรวย ในการช่วยในการผ่าตัดหรือการยกกระชับ
คำแนะนำในการเลือกคลินิกที่คุ้มค่าที่สุด
การเลือกคลินิกที่เหมาะสมและคุ้มค่าสำหรับการทำศัลยกรรมยกกระชับหน้าอกเป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องจากไม่เพียงแค่ผลลัพธ์ที่ดีเท่านั้นที่คุณควรให้ความสำคัญ แต่ยังรวมถึงความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และการบริการที่ดีด้วย นี่คือ คำแนะนำในการเลือกคลินิกที่คุ้มค่าที่สุด:
- ตรวจสอบใบอนุญาตและความถูกต้องตามกฎหมาย
- ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์
- ดูรีวิวจากลูกค้าคนอื่น
- มาตรฐานและเทคโนโลยีที่ใช้ในคลินิก
- ประเมินค่าใช้จ่ายและการให้บริการ
- ความสะดวกสบายและการบริการลูกค้า
- การให้คำปรึกษาก่อนการผ่าตัด
การเลือกคลินิกที่คุ้มค่าคือการเลือกคลินิกที่ให้บริการอย่างครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษาก่อนการผ่าตัดจนถึงการดูแลหลังการผ่าตัด โดยเลือกคลินิกที่มีประสบการณ์, ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย, มีมาตรฐานความปลอดภัย, และมีราคาเหมาะสมกับบริการที่ได้รับ อย่าลืมทำการบ้านและเลือกคลินิกที่สามารถตอบสนองความต้องการของคุณได้อย่างดีที่สุดค่ะ!










