• 02 714 4471
  • 342 Ekamai Rd, Bangkok 10110
  • Mon - Sun: 09:00 - 20:00
  • 02 246 0042
  • 44/1 Asoke-Dindaeng Rd, Bangkok 10310
  • Mon-Sun: 11:00 - 19:00
  • 088 152 4444
  • 16/7 North Sathorn Rd, Silom, Bangkok 10500
  • Mon-Sun: 11:00 - 20:00
  • 02 253 9269
  • 1025 Ploenchit Rd, Lumpini, Bangkok 10330
  • Mon-Sun: 11:00 - 20:00
  • 02 539 4888
  • 1416 ซอย ลาดพร้าว 87 แขวง คลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร 10240
  • Mon-Sun: 11:00 - 20:00

บล็อค

เคล็ดลับ

ราคาและระยะเวลาพักฟื้น เปรียบเทียบวิธียกกระชับหน้าอกในปี 2025

ราคาและระยะเวลาพักฟื้น เปรียบเทียบวิธียกกระชับหน้าอกในปี 2025

เทคนิคยกกระชับหน้าอกที่มีในปี 2025

เทคนิคยกกระชับหน้าอกในปี 2025 มีหลายเทคนิคที่สามารถเลือกใช้ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ที่ทำการผ่าตัด และระดับของการหย่อนคล้อยของหน้าอก เทคนิคที่ใช้ในการยกกระชับหน้าอกจะถูกพัฒนาให้เหมาะสมกับการฟื้นตัวที่รวดเร็วและผลลัพธ์ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีเทคนิคใหม่ๆ ที่ช่วยลดการเกิดแผลและเพิ่มความสะดวกในการดูแลหลังการผ่าตัด โดยแต่ละเทคนิคจะเหมาะสมกับการหย่อนคล้อยในระดับต่างๆ และผลลัพธ์ที่ต้องการ หากคุณมีการหย่อนคล้อยมาก การเลือกทำแบบ Full Mastopexy หรือ Combined Mastopexy and Augmentation อาจเป็นทางเลือกที่ดี ส่วนการทำ Mastopexy แบบวงกลมรอบปานนม หรือ Endoscopic Mastopexy เหมาะสำหรับการหย่อนคล้อยที่น้อยถึงปานกลาง ซึ่งจะช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วและผลลัพธ์สวยงาม

ช่วงราคาของแต่ละวิธีในไทย

การผ่าตัดยกกระชับหน้าอกเป็นวิธีที่นิยมมากที่สุดสำหรับการยกกระชับหน้าอกให้มีลักษณะที่เต่งตึงและยกสูงขึ้น โดยการผ่าตัดจะมีการตัดและยกเนื้อเยื่อหน้าอกให้สูงขึ้น ค่าใช้จ่ายในการยกกระชับหน้าอกในไทยจะแตกต่างกันไปตามเทคนิคที่เลือกใช้ และปัจจัยอื่น ๆ เช่น สถานที่และผู้ให้บริการ

การศัลยกรรมยกกระชับหน้าอก (Breast Lift ) ค่าใช้จ่าย ประมาณ 150,000 – 250,000 บาท ขึ้นอยู่กับสถานที่เเละ ประสบการณ์ของแพทย รวมถึงความซับซ้อนของการผ่าตัด

ระยะเวลาฟื้นตัวของแต่ละเทคนิค

ระยะเวลาฟื้นตัวหลังการทำศัลยกรรมยกกระชับหน้าอกจะแตกต่างกันไปตามเทคนิคที่เลือกใช้ โดยส่วนใหญ่แล้วฟื้นตัวได้ภายในช่วง 1-2 เดือน แต่แต่ละเทคนิคจะมีระยะเวลาฟื้นตัวและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้:

1. Mastopexy แบบมาตรฐาน (Full Mastopexy)

  • ระยะเวลาฟื้นตัว: 2 – 4 สัปดาห์
    • สัปดาห์แรก: จะมีอาการบวม, ช้ำ และอาจมีความรู้สึกเจ็บที่หน้าอก ควรพักผ่อนและหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่อาจทำให้แผลเกิดความเครียด
    • หลังจากสัปดาห์ที่ 2: อาการบวมจะเริ่มลดลง คุณสามารถกลับไปทำกิจกรรมเบาๆ ได้ เช่น เดินหรือทำงานที่ไม่ต้องใช้แรงมาก
    • หลังจากสัปดาห์ที่ 4: อาการบวมเกือบจะหายไป และสามารถกลับไปทำกิจกรรมปกติได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือการออกกำลังกายที่ต้องใช้หน้าอกในการเคลื่อนไหว

2. Mastopexy แบบวงกลมรอบปานนม (Periareolar Mastopexy หรือ Donut Mastopexy)

  • ระยะเวลาฟื้นตัว: 1 – 2 สัปดาห์
    • สัปดาห์แรก: อาการบวมและช้ำจะมีน้อยกว่าการทำแบบมาตรฐาน ฟื้นตัวได้เร็วกว่าและคุณสามารถกลับไปทำงานที่ไม่ต้องใช้การยกของหนักได้ภายใน 1 สัปดาห์
    • หลังจากสัปดาห์ที่ 2: อาการบวมจะหายไปเกือบหมด และแผลจะเริ่มสมานตัว ซึ่งอาจจะต้องใส่บราผ่าตัดและหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจกระทบกับหน้าอกในช่วงนี้
    • หลังจาก 2 สัปดาห์: สามารถกลับไปทำกิจกรรมปกติได้ โดยที่แผลจะค่อยๆ ดีขึ้น

3. Mastopexy แบบลายบรรทัดแนวดิ่ง (Vertical Mastopexy หรือ Lollipop Mastopexy)

  • ระยะเวลาฟื้นตัว: 2 – 3 สัปดาห์
    • สัปดาห์แรก: อาการบวมและช้ำจะเห็นได้ชัดในช่วง 1 สัปดาห์แรก ต้องพักผ่อนและหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องใช้หน้าอก
    • หลังจากสัปดาห์ที่ 2: อาการบวมจะค่อยๆ ลดลง คุณสามารถกลับไปทำงานเบาๆ หรือกิจกรรมที่ไม่ต้องใช้แรงมาก
    • หลังจากสัปดาห์ที่ 3: ฟื้นตัวได้ดีขึ้น คุณสามารถกลับไปทำกิจกรรมตามปกติได้ แต่ยังต้องหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก

ปัจจัยที่มีผลต่อค่าใช้จ่าย

ค่าใช้จ่ายในการทำศัลยกรรมยกกระชับหน้าอกสามารถแตกต่างกันไปตามหลายปัจจัยที่มีผลต่อราคา โดยปัจจัยที่มีผลต่อค่าใช้จ่ายจะรวมถึงสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัดและการดูแลหลังการผ่าตัด ดังนี้

  1. ประเภทของเทคนิคการยกกระชับหน้าอก มีราคาแตกต่างกัน เช่น การทำ Mastopexy แบบมาตรฐาน (Full Mastopexy) จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า Mastopexy แบบวงกลมรอบปานนม (Periareolar Mastopexy) เพราะการทำแผลใหญ่และการผ่าตัดที่มีความซับซ้อนมากกว่า
  2. ศัลยแพทย์และประสบการณ์ ศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญสูงจะมีค่าบริการที่สูงขึ้น ซึ่งอาจเพิ่มค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด
  3. คลินิกหรือโรงพยาบาลที่ให้บริการ การใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัยในคลินิกหรือโรงพยาบาลที่มีบริการคุณภาพสูง อาจส่งผลให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
  4. ระดับของการหย่อนคล้อยของหน้าอก การผ่าตัดจะซับซ้อนและต้องใช้เวลาในการทำมากกว่า การทำแบบที่มีการหย่อนคล้อยน้อย ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
  5. ชนิดของซิลิโคน (ถ้ามีการเสริม) ซิลิโคนที่มีคุณภาพดี มีรูปลักษณ์เป็นธรรมชาติและมีความทนทานสูง จะมีราคาสูงกว่าซิลิโคนทั่วไป
  6. การใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์พิเศษ เช่นการใช้เทคโนโลยีส่องกล้อง หรือกรวย ในการช่วยในการผ่าตัดหรือการยกกระชับ

คำแนะนำในการเลือกคลินิกที่คุ้มค่าที่สุด

การเลือกคลินิกที่เหมาะสมและคุ้มค่าสำหรับการทำศัลยกรรมยกกระชับหน้าอกเป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องจากไม่เพียงแค่ผลลัพธ์ที่ดีเท่านั้นที่คุณควรให้ความสำคัญ แต่ยังรวมถึงความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และการบริการที่ดีด้วย นี่คือ คำแนะนำในการเลือกคลินิกที่คุ้มค่าที่สุด:

  1. ตรวจสอบใบอนุญาตและความถูกต้องตามกฎหมาย
  2. ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์
  3. ดูรีวิวจากลูกค้าคนอื่น
  4. มาตรฐานและเทคโนโลยีที่ใช้ในคลินิก
  5. ประเมินค่าใช้จ่ายและการให้บริการ
  6. ความสะดวกสบายและการบริการลูกค้า
  7. การให้คำปรึกษาก่อนการผ่าตัด

การเลือกคลินิกที่คุ้มค่าคือการเลือกคลินิกที่ให้บริการอย่างครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษาก่อนการผ่าตัดจนถึงการดูแลหลังการผ่าตัด โดยเลือกคลินิกที่มีประสบการณ์, ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย, มีมาตรฐานความปลอดภัย, และมีราคาเหมาะสมกับบริการที่ได้รับ อย่าลืมทำการบ้านและเลือกคลินิกที่สามารถตอบสนองความต้องการของคุณได้อย่างดีที่สุดค่ะ!

Add Line@

โพสต์ยอดนิยม

ราคาและระยะเวลาพักฟื้น เปรียบเทียบวิธียกกระชับหน้าอกในปี 2025
ศัลยกรรมยกกระชับหน้าอกหลังลดน้ำหนัก สิ่งที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจ
เทคนิคยกกระชับหน้าอกแบบไม่ต้องผ่าตัด ทางเลือกใหม่สำหรับสาวไทย
อยากดูดไขมันแต่กลัวเจ็บ! มีวิธีไหนช่วยลดความเจ็บปวดได้บ้าง?
อาการแทรกซ้อนจากการดูดไขมันที่คุณต้องรู้
การดูดไขมัน (Liposuction) ควรทำตอนอายุเท่าไหร่ดีที่สุด?
โรคผมร่วงเป็นหย่อม Alopecia Areata
ปลูกผมสเต็มเซลล์ VS ปลูกผมถาวร
ทำไมบางคนทำศัลยกรรมยกกระชับหน้าอกแล้วหน้าอกแข็ง?
อาหารที่ควรกินและหลีกเลี่ยงหลังศัลยกรรมยกกระชับหน้าอก