ปั้นหุ่นสวยฉบับ Dermaster ด้วยเครื่อง CoolSculpting นวัตกรรมสลายไขมันไม่เจ็บตัว คุยกับผู้บริหาร Dermaster ‘มิ้น-ณิชา โลจนะโกสินทร์’ ถึงเทรนด์ความสวยปี 2023
คุยกับผู้บริหาร Dermaster ‘มิ้น-ณิชา โลจนะโกสินทร์’ ถึงเทรนด์ความสวยปี 2023
วงการความสวยความงามของประเทศไทยนั้นเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ภายในเวลาไม่ถึงสิบปี การฉีดโบทูลินั่มท็อกซิน (โบท็อกซ์) สารเติมเต็ม (ฟิลเลอร์) ไปจนถึงการใช้คลื่นพลังงานยกกระชับใบหน้า กลายเป็นเรื่องทั่วไปที่หนุ่มสาวกว่าครึ่งล้วนมีความรู้ความเข้าใจเป็นอย่างดี Dermaster Aesthetics & Wellness Institute จึงเล็งเห็นว่าเทรนด์ถัดไปที่จะได้รับความนิยมต่อจากการดูแลใบหน้า ก็คือ “การดูแลรูปร่าง” และแน่นอนว่า CoolSculpting คือตัวช่วยสำคัญที่ทุกคนควรทำความรู้จักไว้
เทรนด์ความสวยปี 2023
เราได้มีโอกาสนั่งพูดคุยกับผู้บริหารสาวสวยผู้ร่วมก่อตั้ง Dermaster Aesthetics & Wellness Institute สถาบันเสริมความงามแถวหน้าของเมืองไทย ‘คุณมิ้น – ณิชา โลจนะโกสินทร์’ และคำถามแรกที่เราอยากรู้มากที่สุดนั่นก็คือ ในสายตาของผู้บริหารที่คลุกคลีอยู่กับแวดวงความสวยความงาม ทิศทางของผู้บริโภคและเทรนด์ที่จะมาแรงในปีหน้าคืออะไร
คุณมิ้นยังได้เสริมอีกว่าการจะสวยในแบบของตัวเองได้นั้น บางครั้งก็ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของคุณหมอเข้ามาช่วยวิเคราะห์ เพื่อดึงจุดเด่นและอัตลักษณ์ออกมา ทำให้ดูดีขึ้นโดยที่ยังเป็นตัวของตัวเองอยู่ “นอกจากเรื่องความสวยในแบบของตัวเองแล้ว อีกสิ่งหนึ่งคือมิ้นว่าคนหันมาหาตัวช่วยดูแลรูปร่างมากขึ้น เทรนด์การดูแลใบหน้าอยู่มานานแล้ว และน่าจะยังอยู่ต่อไป เพียงแต่คนจะหันมาใส่ใจเรื่องการดูแลสุขภาพและรูปร่างมากขึ้นค่ะ”
ทำไม CoolSculpting ถึงเป็นตัวช่วยยอดนิยม ?
ในตลาดความสวยความงามปัจจุบัน มีตัวช่วยลดไขมันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการดูดไขมันที่เราได้ยินกันมาหลายสิบปี การฉีดสลายไขมันที่ได้รับความนิยม การใช้คลื่นพลังงาน สร้างมัดกล้ามเนื้อ ยกกระชับร่างกายที่เพิ่งเริ่มเป็นกระแส แต่หนึ่งในนวัตกรรมที่ได้รับความนิยมของ Dermaster ก็คือ ‘CoolSculpting’ ซึ่งเป็นนวัตกรรมสลายไขมันด้วยความเย็น
“สาเหตุที่ CoolSculpting เป็นตัวช่วยสลายไขมันที่ได้รับความนิยม ก็เพราะว่าบางครั้งต่อให้เราคุมอาหารหรือออกกำลังกาย ร่างกายก็ยังมีไขมันสะสมบางจุดที่เอาไม่ออก จึงจำเป็นต้องใช้ตัวช่วยค่ะ ส่วนวิธีการทำก็ไม่ยุ่งยากเลย เครื่องใช้พลังงานความเย็นที่ -11 องศาเซลเซียสฆ่าเซลล์ไขมันให้ตาย โดยแต่ละครั้งจะใช้เวลาทำประมาณ 35 นาที สามารถกำจัดไขมันได้ 24-27% ซึ่งการฆ่าเซลล์ไขมันให้ตาย แตกต่างจากการคุมอาหารที่จะช่วยแค่ลดขนาดเซลล์ไขมันลง” นอกจากนี้คุณมิ้นยังอธิบายเพิ่มเติมว่าการทำ CoolSculpting จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 1-3 เดือน
“จากเสียงตอบรับผู้เข้ามาใช้บริการที่ Dermaster กับเครื่อง CoolSculpting เวลาทำจะรู้สึกเหมือนมีคนมาหยิกผิวเรา เพราะผิวจะโดนแอพพลิเคเตอร์ดึง แต่หลังจากเครื่องปล่อยความเย็นออกมาได้ประมาณ 5 นาทีผิวก็จะชา ไม่รู้สึกแล้ว ระหว่างนั้นก็สามารถอ่านหนังสือเล่นโทรศัพท์รอได้สบายๆ เลยค่ะ”
หลังจากถอดอุปกรณ์เสร็จ พยาบาลจะนวดเพื่อทำให้เซลล์ไขมันตายไปเพิ่มขึ้น “ก็จะชาๆ ผิวจะแดงหน่อยเพราะโดนความเย็น แต่สามารถใช้ชีวิตต่อได้ปกติ ออกกำลังกายได้ ไม่ต้องพักฟื้น รอสักพักอาการชาและแดงก็จะหายไปเองค่ะ”
เมโสแฟต vs Ulthera Body vs ดูดไขมัน vs CoolSculpting
อย่างที่เกริ่นไปว่าปัจจุบันมีทางเลือกหลากหลายในการกำจัดไขมัน ทาง Dermaster จึงช่วยเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละตัวช่วยมาให้เราเห็นภาพกันแบบชัดๆ
- เมโสแฟต (Meso Fat) คือการฉีดสลายไขมัน โดยปกติเรามักเห็นคนนิยมฉีดบริเวณใบหน้า อย่างเช่น แก้มหรือเหนียง แต่จริงๆ แล้วเมโสแฟตสามารถฉีดที่ร่างกายได้เช่นกัน แต่ต้องใช้ปริมาณยาเยอะกว่าใบหน้ามาก ทำให้ต้องฉีดหลายเข็ม ระหว่างฉีดจึงอาจรู้สึกเจ็บ และแสบร้อนจากตัวยา หลังฉีดจะมีอาการบวมและช้ำ รวมถึงต้องมาฉีดซ้ำสม่ำเสมอ
- Ulthera Body คือการยิงคลื่นอัลตราซาวด์ความถี่สูงแบบเฉพาะเจาะจงลงไปยังชั้นผิว SMAS ทำให้ผิวและกล้ามเนื้อบริเวณนั้นหดตัว ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะเน้นไปทางการยกกระชับ ไม่ใช่การสลายไขมัน ช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยเป็นหลัก จึงเป็นทางเลือกสำหรับคนที่มีไขมันน้อยและต้องการยกกระชับรูปร่าง
- ดูดไขมัน นวัตกรรมที่มีมาหลายสิบปี ข้อดีคือการกำจัดเซลล์ไขมันออกจากร่างกายได้ถาวร รวมถึงยังสามารถกำจัดได้ปริมาณมากในการทำหนึ่งครั้ง แต่ข้อเสียคือความเจ็บ ผิวจะมีอาการช้ำม่วง มีระยะในการพักฟื้นหลังทำ
- CoolSculpting คือการสลายไขมันด้วยความเย็นที่อุณหภูมิ -11 องศาเซลเซียส ข้อดีคือไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีแผล ระยะเวลาในการทำไม่นาน และยังสามารถฆ่าเซลล์ไขมันได้เหมือนกับการดูดไขมัน หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติทันที
เตรียมตัวก่อน-หลังทำ CoolSculpting
สำหรับใครที่กังวลว่าเข้ารับบริการสลายไขมัน จะต้องเตรียมตัวก่อนและหลังทำเยอะหรือไม่ วันนี้เราหาคำตอบมาให้แล้ว
- ก่อนทำ : ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรเลย ขอเพียงแค่งดทานข้าวก่อนเข้ารับบริการอย่างน้อย 1 ชั่วโมงสำหรับคนที่จะสลายไขมันบริเวณหน้าท้อง เพื่อป้องกันอาการจุกหรืออาเจียน
- หลังทำ : สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ รวมถึงสามารถออกกำลังกายกายควบคู่ไปด้วยได้
เรื่อง CoolSculpting ไว้ใจ Dermaster
ปัจจัยแรกที่ทำให้มั่นใจได้ว่า Dermaster มีความเชี่ยวชาญด้านการสลายไขมันด้วยเครื่อง CoolSculpting ก็คือ ในปีที่ผ่านมาทางสถาบันความงามเพิ่งได้รับรางวัล Platinum Award Body Contouring ประจำปี 2022 จาก Allergan Aesthetics บริษัทผลิตภัณฑ์ด้านความงามชั้นนำระดับโลก ซึ่งเป็นเครื่องการันตีว่ามีคนไข้เข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก รวมถึงผู้ให้บริการอย่างคุณหมอและพยาบาลก็มีความชำนาญโดยตรง
และจุดเด่นที่ทำให้ทางสถาบันความงามโดดเด่นเรื่องโปรแกรมสลายไขมัน ก็คือคุณหมอจะไม่ได้แค่กำจัดไขมันออกจากร่างกาย แต่จะใช้เทคนิค ‘Body Design’ ทำการวิเคราะห์ว่าควรลดส่วนไหนและเก็บบริเวณไหนไว้ เพื่อให้เมื่อสลายไขมันไปแล้ว คนไข้ไม่ได้แค่ดูผอมลง แต่ดูหุ่นดีขึ้นด้วย
สิ่งที่ทำให้คุณหมอสามารถทำ Body Design ได้อย่างแม่นยำ ก็คือเครื่อง CoolSculpting ที่สถาบันความงามมีแอพพลิเคเตอร์ให้บริการครบทั้ง 5 แอพพลิเคเตอร์ อันได้แก่ Cool Advantage , Cool Advantage Plus , Cool Advantage Petite , Cool Mini และ Cool Smooth Pro ทำให้ไม่ว่าจะกังวลเรื่องไขมันสะสมบริเวณไหนในร่างกาย ก็มีแอพพลิเคเตอร์รองรับ ช่วยสลายไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ Dermaster ไม่ได้มีแค่ส่วนของสถาบันความงามเพียงอย่างเดียว แต่ยังมี Dermaster Body Center ศูนย์กระชับรูปร่างและสัดส่วน ที่ครบครันไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย อาทิ การใช้คลื่นพลังงานรูปแบบต่างๆ ในการสลายเซลลูไลต์ ให้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจแบบครบวงจร
สามารถติดต่อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
- สาขาเอกมัย โทร 02-714-4471
- สาขาพระรามเก้า โทร 02-246-0042
- สาขาชิดลม โทร 02-253-9269
- สาขาสาทร โทร 02-235-4745
- สาขา CDC โทร 02-539-4888
หรือเพจเฟสบุ๊ก Dermaster และ Line: @Dermaster
ขอบคุณบทความจาก Hello Magazine Thailand
TAG : Coolsculpting Dermaster Clinic