• 02 714 4471
  • 342 Ekamai Rd, Bangkok 10110
  • Mon - Sun: 09:00 - 20:00
  • 02 246 0042
  • 44/1 Asoke-Dindaeng Rd, Bangkok 10310
  • Mon-Sun: 11:00 - 19:00
  • 088 152 4444
  • 16/7 North Sathorn Rd, Silom, Bangkok 10500
  • Mon-Sun: 11:00 - 20:00
  • 02 253 9269
  • 1025 Ploenchit Rd, Lumpini, Bangkok 10330
  • Mon-Sun: 11:00 - 20:00
  • 02 539 4888
  • 1416 ซอย ลาดพร้าว 87 แขวง คลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร 10240
  • Mon-Sun: 11:00 - 20:00

บล็อค

เคล็ดลับ

ปลูกผมสเต็มเซลล์ VS ปลูกผมถาวร

ปลูกผมสเต็มเซลล์ VS ปลูกผมถาวร

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการฉีดสเต็มเซลล์และการปลูกผมถาวร

การปลูกผมแบบ Stem Cell คือ การใช้สเต็มเซลล์ของตัวเองมารักษาผมบาง เทคโนโลยีในการรักษาผมร่วงผมบางแบบฉีดเซลล์รากผม โดยฉีดเซลล์ต้นกำเนิดสเต็มเซลล์ ที่นำมาจากรากผมของผู้ที่มีปัญหาผมร่วงจนบาง เข้าไปยังหนังศีรษะเน้นในส่วนบริเวณที่มีปัญหา หรือทั่วศีรษะก็ได้ และเมื่อสเต็มเซลล์ที่สกัดได้ฉีดกลับเข้าไปบนหนังศีรษะ เซลล์ต้นกำเนิดจะไปกระตุ้นเซลล์รากผมที่กำลังจะหายไปจากหนังศีรษะ ให้กลับมามีชีวิต เส้นผมเติบโต ยาวได้ตามปกติ เพิ่มประสิทธิภาพของความแข็งแรงรากผมนำไปสู่ผลลัพธ์ผมดกดำเช่นเดิม และเป็นการยืดอายุขัยให้เส้นผม อยู่กับเราได้นานขึ้นไปอีก

ส่วนการปลูกผมถาวร เป็นการปลูกผมแบบย้ายรากผม หรือปลูกผม FUE เป็นวิธีการปลูกผมที่ได้มาตรฐานและเป็นที่นิยมในปัจจุบัน โดยใช้การย้ายรากผมบริเวณท้ายทอยมาเท่ากับจำนวนที่แพทย์ประเมินว่าต้องใช้กี่กราฟ และใช้กล้องจุลทรรศน์ช่วยในการแบ่งรากผมจากบริเวณท้ายทอยที่เลือกมา ทำการแช่น้ำยากราฟทำให้รากผมยังมีชีวิต แล้วย้ายรากผมเหล่านั้นไปปลูกทีละรากในบริเวณที่ต้องการ เป็นการผ่าตัดเล็กโดยไม่ต้องใช้ยาสลบ แต่เพียงแค่ฉีดยาชาไปยังบริเวณที่จะเอาเซลล์รากผมออก หลังจากการทำผมที่งอกใหม่ออกมาดูเหมาะสมและเป็นธรรมชาติ ทุกขั้นตอนจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ด้านการปลูกผม เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง

ข้อดีและข้อเสียของการฉีดสเต็มเซลล์ปลูกผม

ข้อดี

  1. เป็นการรักษาแบบธรรมชาติ ไม่ใช้เคมีในการรักษา มีความเสี่ยงน้อยต่อการเกิดผลข้างเคียง
  2. ไม่ต้องเจ็บตัว มีความเสี่ยงน้อยต่อการเกิดผลข้างเคียง
  3. ไม่ต้องพักฟื้น ถ้าต้องพักจะใช้เวลาฟื้นตัวอาจใช้เวลาแค่ 1 -2 วัน
  4. ใช้เวลาทำน้อย ประมาณ 1 ชั่วโมง
  5. ไม่ต้องทำบ่อย ทำปีละ 1 – 2 ครั้ง ก็พอ

    ข้อเสีย

    1. มีราคาที่สูงกว่าการบำรุงประเภทอื่น ค่าใช้จ่ายเทียบเท่าการปลูก 1000 – 2000 กราฟ และต้องทำอย่างต่อเนื่อง
    2. กอผมที่ดึงออกมาเพื่อใช้รากผมทำสเต็มเซลล์นั้นสามารถนำมาปลูกได้เลย เสียดายทรัพยากรผมที่มีจำกัดสำหรับลูกค้าบางท่าน
    3. ต้องทำการรักษาบ่อยตกปีละ 1-2 ครั้ง การปลูกผมจึงอาจคุ้มค่ากว่าในระยะยาว

    ข้อดีและข้อเสียของการปลูกผมถาวร         

    ข้อดี

    1. ผมที่ขึ้นเป็นผลลัพธ์ที่ถาวร ผมที่ปลูกจะอยู่บนหนังศีรษะไปตลอด ไม่ร่วงง่ายจนทำให้ผมบางเพราะนำมาจากบริเวณที่มีรากผมแข็งแรง
    2. สามารถปลูกซ้ำได้ เพิ่มความหนาได้ ถ้าปลูกผมครั้งแรกแล้วยังหนาไม่พอ (อยากได้ความหนาเพิ่ม)
    3. สร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่ทำ ปัญหาผมร่วงผมบางเกิดซ้ำได้ยาก
    4. ผมหลังการปลูกที่ได้สวยงาม เป็นแนวธรรมชาติ การปลูกผมจะปลูกทีละกราฟ​ สามารถกำหนดตำแหน่งที่ปลูกและทิศทางได้
    5. ค่าใช้จ่ายถือว่าคุ้มค่ากับผลลัพธ์ที่ได้ เป็นการลงทุนระยะยาว

    ข้อเสีย

    1. ช่วงพักฟื้นจะนอนได้ลำบากกว่าปกติ อาจมีเลือดซึมบริเวณท้ายทอยที่เจาะผมออกมา อาจปวดบวมบริเวณหน้าผาก
    2. กราฟอาจหลุดได้ ถ้าดูแลไม่ดีหลังการปลูก
    3. บางรายมีอาการหนังศีรษะติดเชื้อ กรณีสถานพยาบาลนั้นไม่มีมาตรฐานหรือไม่มีการฆ่าเชื้อที่ดีพอ (อินเดีย)
    4. หลังจากการปลูกผมต้องทานยาร่วมด้วย และอาจมีผลต่อฮอร์โมนเพศชาย เช่น ยาจำพวก Finasteride ยาเม็ดลดระดับ ฮอร์โมน Dihydrotestosterone
    5. เกิดอาการชา 2-3 เดือนในผู้รับการปลูกผมบางรายเพราะเส้นประสาทโดนทำลาย แต่จะกลับมาเป็นปกตืได้แต่ต้องใช้เวลา (บางรายเป็นอาการคันทั่วศีรษะแทนอาการชา)

    ใครเหมาะกับการฉีดสเต็มเซลล์ปลูกผม และใครควรเลือกปลูกผมถาวร?

    ใครเหมาะกับการฉีดสเต็มเซลล์ปลูกผม ?

    1. ผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางจากพันธุกรรมและฮอร์โมน
    2. ผู้ที่ไม่ต้องการปลูกผม(กลัวการผ่าตัด) ไม่อยากเจ็บตัว
    3. ผู้ที่เคยปลูกผมมาแล้ว และต้องการฉีดสเต็มเซลล์ผมเพิ่มเพื่อเพิ่มความแข็งแรงรากผม
    4. ผู้ที่ยังมีรูขุมขนบนหนังศีรษะ ยังมีเส้นผมอยู่ เหมาะกับคนผมบางที่ศีรษะยังไม่ล้านเถิกและรูขุมขนยังไม่ปิด แต่ปัญหาผมร่วง ผมบางระดับเริ่มต้น ถึงระดับปานกลาง
    5. เหมาะกับผู้ที่มีรากผมไม่แข็งแรง

    ใครเหมาะกับการปลูกผมถาวร ?

    1. ผู้ที่ขาดความมั่นใจเพราะจากผมบาง ศีรษะเถิก ศีรษะล้าน หรือท่านที่อยากมีผมทั่วศีรษะเพื่อการจัดแต่งทรงผมได้ง่าย
    2. ท่านที่มีบุคลิคภาพที่ดีอยากปรับกรอบหน้า อยากมีผมทั่วศีรษะเพื่อการจัดแต่งทรงผมได้ง่าย เหล่าบรรดา ดารา เซเลป
    3. ผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะเถิก และศีรษะล้านจากกรรมพันธุ์และจากฮอร์โมน DHT
    4. ผู้ที่มีรอยแผลเป็น ทำให้เส้นผมไม่สามารถเกิดขึ้นได้ หรือต้องการปลูกทับรอยแผลเป็น
    5. ผู้ที่ต้องการรักษาอาการผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านที่เห็นผลชัดเจนและถาวร

    สรุป: วิธีไหนที่เหมาะกับคุณ?

    การปลูกผมแบบฉีดสเต็มเซลล์ปลูกผมเป็นการรักษาแบบธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวเจ็บ กลัวการผ่าตัด เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผมบาง ผมร่วงโดยมีสาเหตุมาจากพันธุกรรมและฮอร์โมน เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาพักเพราะใช้เวลาทำเพียงหนึ่งชั่วโมง และพักฟื้นมากสุดแค่ 1 – 2 วัน เหมาะกับผู้ที่เคยปลูกผมมาแล้ว แต่อยากให้เส้นผมดูหนาขึ้น เพราะเป็นการบำรุงที่รากผมโดยตรง                                                

    การปลูกผมแบบถาวร ตอบโจทย์สำหรับคนที่มีปัญหาศีรษะล้านมาก ๆ  ผู้มารับการรักษาควรมาปรึกษาแพทย์ เพื่อให้แพทย์ประเมินและออกแบบทรงบริเวณที่ปลูกผม การจัดแนวผม ดูไรผม ทิศทางของเส้นผม รวมถึงการเจาะกราฟผมที่เหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้การปลูกผมใหม่ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด ทีมงานที่มีประสบการณ์ เครื่องมือที่ทันสมัย ปลอดภัย และบริการหลังการปลูกที่ดูแลดีเยี่ยม ช่วยทำให้คุณมั่นใจและลดปัญหาหลังจากการปลูกผมได้มาก

    Add Line@

    โพสต์ยอดนิยม

    โรคผมร่วงเป็นหย่อม Alopecia Areata
    ปลูกผมสเต็มเซลล์ VS ปลูกผมถาวร
    ทำไมบางคนทำศัลยกรรมยกกระชับหน้าอกแล้วหน้าอกแข็ง?
    อาหารที่ควรกินและหลีกเลี่ยงหลังศัลยกรรมยกกระชับหน้าอก
    เลือกตำแหน่งผ่าตัดเสริมหน้าอก
    ดูดไขมันผู้ชาย เคล็ดลับปั้นหุ่นให้เฟิร์มในพริบตา!
    การดูดไขมันกับความเข้าใจผิดที่ต้องแก้ไข
    ใครเหมาะกับการดูดไขมัน และใครที่ควรหลีกเลี่ยง? คำตอบที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจปรับรูปร่าง
    เซลลูไลท์ VS ไขมัน ดูดไขมันช่วยแก้ปัญหาได้จริงไหม ?
    ความสำคัญของการดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน ที่ DERMASTER ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร?